การพิมพ์ใบปลิว

การพิมพ์ใบปลิวแจกเป็นยุทธวิธีด้านการตลาดมาตั้งแต่อดีต กล่าวได้ว่าพร้อมกันมากับการขายของรวมทั้งการจัดทำงานพิมพ์ทีเดียว
การพิมพ์ใบปลิวตอนแรกชอบเป็นการประกาศ แจกแจง โฆษณาซึ่งจัดทำโดยทางภาครัฐเพื่อแจ้งข้อมูลให้ผู้รับสารได้รับ
รู้ แต่ว่ามาภายหลังการประกอบการด้านงานเอกสารเริ่มเป็นที่นิยมและก็มีเอกชนเข้ามาดำเนินกิจการก็เลยเริ่มที่จะมีใบปลิวในต้นแบบการ
โฆษณามากยิ่งขึ้น แล้วก็โดยธรรมดาเนื้อหาในการพิมพ์ใบปลิวนั้นจะเป็นจำพวกการให้ข้อมูลเฉพาะเจาะจงที่จะให้ข้อมูลเพียงแต่เรื่องเดียวรวมทั้งมัก
จะเป็นข้อมูลอย่างหยาบที่ต้องให้ไปพบรายละเอียดอื่นๆ เพราะฉะนั้นการจัดทำงานพิมพ์ใบปลิวจึงต้องเน้นความน่าดึงดูดใจมากยิ่งกว่ารายละเอียด
เนื้อหา
ลักษณะงานที่เรียกว่าพิมพ์ใบปลิวนั้นจะเป็นกระดาษเพียงใบเดียวแค่นั้น โดยจะพิมพ์ด้านเดียวหรือสองด้านก็ได้ ซึ่งขนาดและ
จำพวกกระดาษนั้นขึ้นกับคนจัดทำต้องการให้เป็นแบบอย่างไรไม่มีแบบอย่างเฉพาะ แม้กระนั้นขนาดจำต้องไม่ใหญ่เทอะทะหรือหนามากกระทั่ง
เกินความจำเป็นจนสูญเสียจุดเด่นในเรื่องความคล่องตัว เนื่องจากว่ารากศัพท์ของพิมพ์ใบปลิวมาจากภาษาอังกฤษที่ชื่อว่า “Leaflet”
ที่มีนิยามเป็นงานเอกสารที่เล็กเหมือนใบไม้ หรือ บางชื่อเรียกว่า “Flyers”อันเป็นสิ่งพิมพ์ที่ค่อยกระทั่งสามารถลอยตามลมนั่นเอง
ดยทั่วๆไปมักมีขนาดไม่ควรเกินขนาด A3 หรือ A4 ซึ่งว่าใหญ่พอประมาณแล้ว หากใหญ่มากยิ่งกว่านี้จะก่อให้ถือและก็พกพาทุกข์ยากลำบาก
และกระดาษที่นิยมใช้จะเป็นกระดาษปอนด์รวมทั้งกระดาษอาร์ตมันความหนา 90 มึงรมขึ้นไปเพื่อไม่ให้มีการซึมของน้ำหมึกถ้าเกิดบาง
จนเหลือเกิน การใช้แรงงานพิมพ์ใบปลิวนั้นคือเรียกว่าเป็นโฆษณาประเภทไดเร็คเมลที่เป็นโฆษณาที่ส่งถึงลูกค้าโดยตรงจากผู้สร้าง
ถึงผู้ใช้ นิยมใช้การแจกจ่ายตามสถานที่ต่างๆหรือส่งตรงโดยไปรษณีย์ถึงผู้ซื้อ การส่งตรงถึงมือคนซื้อนั้นอย่างน้อยเป็น
การเพิ่มแรงบันดาลใจสำหรับการซื้อสินค้าให้กับผู้ซื้อเจริญขึ้น หากสินค้ารวมถึงพิมพ์ใบปลิวนั้นมีความน่าสนใจเพียงพอ นอกจาก
การแจกการพิมพ์ใบปลิวนั้นในทางการตลาดนับเป็นการทำข้อมูลทางสถิติได้เกี่ยวกับสินค้าได้ดีมากไม่มีความแตกต่างจากการใช้แบบสำรวจ
ดังเช่นว่า การพิมพ์ใบปลิวหรือแจกใบปลิวให้ลูกค้า 100 ใบ โดยบางทีก็อาจจะกำหนดให้สามารถใช้กานพิมพ์ใบปลิวสำหรับเพื่อการลดราคาได้ถ้าหากส่งกลับ
หรือเอามาซื้อผลิตภัณฑ์ที่ร้านค้า หากลูกค้าถือมาซื้อผลิตภัณฑ์หรือส่งคืนมา 20 ใบก็สามารถประเมินผลโดยคร่าวได้ว่าอัตราผู้สนใจเป็น 20%
จากกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด ฯลฯ ทำให้ต่างจากสื่อแบบอื่นๆที่ไม่สามารถที่จะจำกัดปริมาณผู้รับสื่อที่แจ่มแจ้งได้
รายละเอียดรายละเอียดสำหรับในการพิมพ์ใบปลิวนั้น ควรจะย้ำให้มีความน่าสนใจมากกว่าเนื้อหารายละเอียด โดยเนื้อหาอุตสาหะใช้คำที่
เย้ายวนใจผู้อ่านโดยภาษาไม่ต้องสละสลวยมากก็ได้ การใช้รูปภาพสำหรับการดึงดูดใจหรือการเน้นสีในรายละเอียดที่ต้องการให้อ่านเป็นสิ่งสำคัญ
การพิมพ์ใบปลิวจึงมักใช้การโปรโมทจำพวกโฆษณางาน เปิดร้านหรือสินค้าใหม่ โปรโมชั่นลดแล้วก็เงื่อนไขดี เป็นต้น
ด้วยเหตุว่าไม่ต้องกำหนดเนื้อหามากมายเพียงแต่กำหนดวัน เวลา สถานที่ อัตราส่วนลด แล้วก็คุณประโยชน์อันสะดุดตาของผลิตภัณฑ์ ฯลฯ แต่อย่างไร
ก็ดีสำหรับผู้ประกอบกิจการทั้งหลายแหล่ไม่สมควรโฆษณาเกินจริงหากแม้ต้องการสร้างสิ่งจูงใจในการบริโภคเท่าใดก็ตาม เนื่องจากผู้ซื้อมิได้รับ
ประโยชน์ดังที่โฆษณาไว้ งานพิมพ์ใบปลิวนี้ก็อาจจะเป็นโทษมากยิ่งกว่าคุณต่อท่านทั้งหลายแหล่ได้

ขอบคุณบทความจาก : http://www.pimplernprint.com/