วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

พิมพ์แคตตาล็อก

พิมพ์แคตตาล็อก (Catalogues)เพิ่มยอดขาย
งานขายเป็นส่วนสำคัญมากที่สุดส่วนหนึ่งในการทำกิจธุระเกือบทุกประเภท ไม่ว่าเป็นสินค้าและการบริการ แต่สิ่ง
หนึ่งที่จำเป็นต้องมีและขาดไม่ได้คือการเสนอให้ลูกค้าทราบได้ว่าหน่วยงานของเรานั้นขายอะไร มีจุดแข็งอย่างไร แต่การ
อธิบายลูกค้าด้วยปากเปล่านั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่อธิบายได้ทั้งหมด ทำให้การพิมพ์แคตตาล็อกเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ใช้
เพื่อแนะนำสินค้าและการบริการของเราให้ลูกค้าได้รับทราบ ทั้งครอบคลุมรายละเอียดปลีกย่อย เข้าใจง่าย และมองเห็นภาพตามได้
ดีขึ้น แม้ปัจจุบันนี้จะมีเทคโนโลยีสารสนเทศมากมายเพื่อใช้ในการอธิบายมากยิ่งขึ้นทำให้ความนิยมของการใช้งานจะลด
น้อยลงไปบ้าง แต่อย่างไรก็ดีการพิมพ์แคตตาล็อกก็ยังคงตอบโจทย์ในด้านความสบายโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต
ทั้งยังพกพาคล่อง ไม่เพียงเท่านั้นยังง่ายต่อการใช้อีกครั้ง สามารถนำกลับมาดูใหม่ได้ ทั้งยังสามารถจดบันทึกลงรายละเอียด
เพิ่มเติมได้อีกด้วย
งานพิมพ์แคตตาล็อก (Catalogue) คือสิ่งพิมพ์ที่มีรูปพรรณเป็นสิ่งพิมพ์ที่ถูกเย็บรวมเข้าเป็นเล่ม เหมือนกับ
หนังสือ วารสารหรือนิตยสาร ทั้งนั้นยังต้องมีองค์ประกอบจำพวก บทนำ สารบัญ และเนื้อหาข้อปลีกย่อยเหมือนกับ
หนังสือ ทำให้ส่วนใหญ่เกิดข้อสงสัยว่าแคตตาล็อกแตกต่างจากสิ่งพิมพ์รวมเล่มพวกอื่นอย่างไร สิ่งที่แตกต่างก็คือ
เป้าหมายการใช้งานเป็นหลัก โดยที่แคตตาล็อกนั้นจะมุ่งเน้นใจความในด้านการโฆษณาและจัดแสดงแนะนำสินค้าเป็น
สำคัญ โดยจะมีรูปภาพและคำอธิบายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการบริการแต่ละลักษณะขององค์กรเพื่อให้ผู้อ่านสามารถทำ
ความเข้าใจได้ดีขึ้น โดยต้องมีการจัดทำหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์เป็นกลุ่มอย่างแน่ชัดเพื่อให้ง่ายต่อการสืบหาและมีการระบุหน้าลง
ในสารบัญด้วย
เนื่องด้วยงานบรรยายสินค้าเป็นงานที่ค่อนข้างจะสำคัญมาก ทำให้การออกแบบและจัดทำจะต้องคำนึงถึง
คุณภาพและความละเอียดลออเป็นสำคัญ โดยจะแบ่งส่วนประกอบส่วนเพิ่มเติมโครงสร้างการพิมพ์แคตตาล็อกเป็น 2 ส่วน คือ
1.ส่วนปกเล่ม ส่วนตรงนี้เป็นเหล่าที่แสดงและสร้างแรงจูงใจในการอ่านให้กับผู้พบเห็นจึงควรจะมีการออกแบบ
อาร์ตเวิร์คที่ดี การคัดใช้วัสดุหรือกระดาษที่มีคุณภาพและมีความหนาที่มากกว่าในส่วนของเนื้อหา โดยอาจจะ
ใช้กระดาษลักษณะอาร์ตการ์ด 190 แกรมขึ้นไป หรือกระดาษอาร์ตมันหรือกระดาษหนา 90 แกรมขึ้นไปก็เป็นได้และ
มีการเสริมแต่งใช้สีและตกแต่งรูปภาพที่ดูน่าสนใจ รวมทั้งใช้เทคนิคในการพิมพ์ เช่น การปั๊มนูน การทำ Spot UV
ในจุดที่ต้องเน้นเป็นพิเศษ หรือแม้กระทั่งการเคลือบฟิล์มลามิเนตเพื่อปกป้องรักษาความยับเยินจากภายนอก เป็นต้น
2.ส่วนเนื้อหา ซึ่งในส่วนะนี้เป็นประเด็นนี้จะรวมถึงบทนำ สารบัญไว้ด้วยโดยจะใช้กระดาษที่เป็นกระดาษปอนด์ 80 แกรมขึ้นไปเพื่อไม่
ให้หมึกหรือสีเปื้อนเพราะส่วนมากเนื้อหามักมีรูปภาพอธิบายจึงใช้สีค่อนข้างมาก แต่หากต้องการให้มีการพิมพ์สองหน้า
อาจจะต้องใช้กระดาษที่มีความหนาเพิ่มขึ้นเพื่อให้ไม่สามารถดูผ่านเห็นได้ทั้งสองด้าน เป็นต้น นอกจากนี้การใช้สีควรจะ
ทำให้งานที่พิมพ์ออกมานั้นเหมือนผลิตภัณฑ์จริงให้มากที่สุดเพราะอาจจะทำให้เกิดข้อสงสัยกับลูกค้าภายหลังได้ซึ่งต้องใช้
ความถูกต้องพอสมควร
ในด้านการเลือกใช้สัดส่วนของการพิมพ์แคตตาล็อกนั้นต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 3 ประการ ประการแรกความสมดุล
ระหว่างขนาดเล่มกับความหนาของเนื้อหา ยกตัวอย่างเช่น หากกำหนดขนาดเล่มให้มีขนาดเล็ก แต่มีเนื้อหาที่ต้องชี้แจงมาก
ทำให้รูปเล่มมีความหนามากเกินไป ซึ่งจะส่งผลให้ผู้รับสารรู้สึกเซ็งและไม่อยากอ่าน เป็นต้น ประการที่สองความสมดุลระหว่าง
ขนาดเล่มกับสัดส่วนภาพ โดยการวางรูปภาพในเนื้อหาต่อ 1 หน้ามากที่สุดไม่ควรเกิน 8 ภาพเพราะส่งผลให้เกิดการลายตาได้
และต้องมีการจัดรูปภาพให้มีสัดส่วนที่ทำให้ลูกค้าสามารถมองเห็นได้ชัดเจนโดยไม่เล็กจนเกินไป ประการท้ายที่สุดคือความสมดุล
ระหว่างขนาดเล่มกับสัดส่วนตัวหนังสือ เป็นส่วนใหญ่การจัดทำแคตตาล็อกมักจะไม่เน้นการลงรายละเอียดที่เป็นตัวหนังสือมากนัก
จึงไม่ค่อยมีคำถาม แต่สำหรับสินค้าบางกลุ่มหรือสินค้าที่เน้นด้านการบริการที่ต้องมีการอธิบายเนื้อหาเป็นจำนวนมาก
การกำหนดขนาดตัวอักษรจะต้องทำให้สามารถเห็นและอ่านได้สบาย อาจจะต้องมีเคล็ดการตระเตรียมรูปแบบการอ่านที่ดูน่าสนใจ
ซึ่งอาจจะทำให้ใช้พื้นที่ในหน้าค่อนข้างมาก โดยทั้งหมดนี้มีองค์ประกอบที่ต้องคิดร่วมในการออกแบบและกำหนดสัดส่วน
ซึ่งขนาดของรูปเล่มที่นิยมใช้กับก็ตั้งแต่ขนาดใหญ่ 15 x 10.25 นิ้ว หรือเล็กที่สุดโดยประมาณกระดาษ A6 โดยสัดส่วนที่ใช้
บ่อยที่สุดคือ A4 เพราะมีขนาดที่พอดี พกพาสะดวก รวมถึงง่ายๆในออกแบบและจัดหน้ากระดาษ
ส่วนนี้จะกล่าวถึงช่องทางการแจกจ่ายหรือการใช้งานพิมพ์แคตตาล็อกเพื่อเกิดผลประโยชน์สูงสุด สำหรับพิมพ์แคตตาล็อก
นี้ถือว่าเป็นสิ่งพิมพ์ที่มีทุนออกจะสูง ซึ่งหากให้ตระเตรียมพิมพ์เป็นปริมาณก็อาจจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากจนเกินไป เพื่อให้ได้
ประสิทธิภาพและการความคุ้มที่สุดควรจะมีการกำหนดจำเพาะเฉพาะเจาะจงเป้าหมายที่ต้องการให้ได้รับสาร เช่น การส่งตรงถึง
ลูกค้าที่เป็นเจ้าประจำหรือบริโภคสินค้าอย่างสม่ำเสมอ หรือ กลุ่มสมาชิกหรือผู้ที่ลงชื่อมีความต้องการข่าวสาร เป็นต้น
โดยอาจจะส่งผ่านทางไปรษณีย์หรือการมอบให้กับมือผู้รับสารเองก็ได้ โดยกลุ่มบุคคลเหล่านี้ทางผู้เตรียมทำเองต้องคาดหวังที่จะ
ได้รับการตอบกลับมากกว่าสื่อสิ่งพิมพ์โฆษณาแบบอื่นๆ แต่สำหรับกิจการบางลักษณะอาจจะใช้การตระเตรียมพิมพ์แคตตาล็อกเพียงไม่กี่
เล่มโดยจัดแจงแบ่งให้ในส่วนของหน้าร้านรวงเพื่อใช้สำหรับเวลาที่ลูกค้าเข้ามาสอบถาม หรือแบ่งให้ฝ่ายขายหรือตัวแทนจำหน่าย
ไว้ใช้เพียงเท่านั้นก็สามารถทำได้



ขอบคุณบทความจาก : http://www.pimplernprint.com/แคตตาล็อก_วารสาร/

ผลิตภัณฑ์กำจัดไรฝุ่น


กำจัดไรฝุ่น ต้องต้องใช้สารเคมีหรือไม่
ไรฝุ่น เป็นชื่อของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในระดับที่ตาดูไม่เห็น มันเล็กมาก ประมาณ 1/100 ของหน่วยวัดความยาวเป็นนิ้ว
แต่ถึงตัวมันจะอนุก็ส่งผลต่อคนเราในระดับที่ไม่อาจละเลย เพราะเจ้าสัตว์ขนาดเล็กชนิดนี้แหละเป็นตัวทำให้เราเกิดอาการภูมิแพ้
ที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของคนได้ เพราะไรฝุ่นจะเกิดสารก่อภูมิแพ้ ที่เป็นตัวการของโรคทางเดินหายใจอักเสบ เป็นหวัดเรื้อรัง
มีอาการคันแลระคายเคืองในดวงตา ตาแดง มีอาการโรคหอบหืด ไมเกรน และอาการผื่นคันตามผิวหนัง และไรฝุ่นสามารถ
แพร่กระจายขยายพันธุ์ได้อย่างโดยทันทีภายในบ้านที่อยู่อาศัย เพราะมันชอบอาศัยอยู่ตามผ้า หรือในสิ่งที่มีเส้นใย และที่มันชอบ
มาอยู่ในแหล่งที่มีคนอาศัยอยู่อยู่มากก็คือ มันกินเศษผิวหนังที่หลุดออกของมนุษย์เราเป็นอาหาร ! เช่นนั้นในที่ๆ มีคน มีเส้นใย
จึงเป็นไปได้ที่จะมีไรฝุ่นเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ จนส่งโทษต่อสุขภาพ ดังนั้นมนุษย์จำเป็นที่จะต้องหาวิธี กำจัดไรฝุ่น
ให้ออกไปให้พ้นจากบ้านพักอาศัย และการ กำจัดไรฝุ่น ที่นิยมกันก็คือสารใช้สารเคมี ซึ่งบางคนก็วิตกกังวลในเรื่องผลกระทบ
ต่อร่างกายของเราด้วย อย่างไรก็ตามการ กำจัดไรฝุ่น มีอยู่ด้วยกันหลายวิถีทาง ไม่ได้มีแค่ วิธี กำจัดไรฝุ่น ที่ต้องใช้สารเคมีแค่นั้น
วิธีการ กำจัดไรฝุ่น แบบไม่จำเป็นจะต้องใช้สารเคมี ได้แก่...
1.การ กำจัดไรฝุ่น ด้วยแสงแดด ไรฝุ่นมีขนาดที่เล็กไม่ทนทานต่อความร้อนและรังสีจากแสงอาทิตย์ การนำเอาสิ่งที่เป็นผ้า
หรือเส้นใยไปตากแดด สามารถ กำจัดไรฝุ่น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.การ กำจัดไรฝุ่น ด้วยการซักในน้ำร้อน การนำเอาผ้าที่สัมผัสกับร่างกายของเราเป็นประจำพวกผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน
ผ้าห่ม หรืออื่นๆ ไปซักด้วยน้ำร้อน ทุกๆ 2 อาทิตย์ ช่วยในการ กำจัดไรฝุ่น ได้เช่นเดียวกัน
3.การ กำจัดไรฝุ่น ด้วย เครื่องดูดไรฝุ่น เป็นเครื่องมือที่ถูกวิวัฒน์ขึ้นมาเพื่อจัดการ กำจัดไรฝุ่น โดยเฉพาะ แต่อาจจะ
มีราคาสูงอยู่บ้างในการที่จะซื้อเอามาใช้งาน แต่ก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่คุ้มทีเดียว
4.การใช้ เครื่องฟอกอากาศ ที่มีระบบ กำจัดไรฝุ่น ซึ่งนอกจากสามาร กำจัดไรฝุ่น แล้ว ก็ยังช่วยในเรื่องการดูดกลิ่น
ทำให้อากาศบริสุทธิ์สดชื่นได้อีกด้วย แต่ก็แน่นอนว่ามีราคาสูง
5.ใช้ผ้าป้องกันไรฝุ่น เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อป้องกันไรฝุ่นโดยเฉพาะ ปัจจุบันมีปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน
ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีนี้ออกมาจัดจำหน่าย
นี่เป็นวิธีการที่มนุษย์สามารถใช้ กำจัดไรฝุ่น หรือคุ้มกันไม่ให้มันกลายมาเป็นปัญหากับสุขภาพของเราโดยที่ไม่ต้องใช้สารเคมี

 

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ผลิตภัณฑ์กําจัดไรฝุ่น

ขอบคุณบทความจาก : http://praiya.lnwshop.com/

ป้ายโฆษณาป้ายอิงค์เจ็ท (inkjet)

สินค้ากว่านับพันนับหมื่นชิ้นตลาด ผู้ประกอบการกว่านับร้อยนับพันรายที่เป็นผู้ขายสินค้าและบริการ ปัญหาคือจะทำ
อย่างไรให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จัก และจะทำอย่างไรให้ผู้บริโภคเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ตัวนี้มากกว่าสินค้าตัวอื่นแน่นอนว่าจำเป็นต้องมีการโฆษณา
ทั้งนั้นเครื่องมือชนิดหนึ่งที่เด่นมากในการเสนอแนะผลิตภัณฑ์ในด้านการเข้าถึงและสร้างความรู้จักให้กับผู้คนผ่านการมองเห็น สามารถ
เข้าถึงผู้คนได้หลากหลายและเป็นจำนวนมากนั่นคือ “ป้ายโฆษณา” ซึ่งทุกวันนี้สามารถเห็นสื่อชนิดนี้ได้ตามบริเวณที่มีกลุ่มคนคับคั่ง
เป็นจุดที่พิจารณาและมองเห็นได้ง่าย เช่น ตามอาคารสูง ทางด่วน เป็นต้นจะมีทั้งป้ายโครงเหล็ก ป้ายบิลบอร์ด ป้ายแบนเนอร์ฝังผนัง หรือ
จะเป็นป้ายราคาถูกอย่าง ป้ายอิงค์เจ็ท ป้ายไวนิล เป็นต้น ทั้งนั้นเดี๋ยวนี้งานแผ่นป้ายรับทำป้ายนั้นมีมากมายขึ้นอยู่กับประเภทวัสดุ
และการใช้งานเป็นสำคัญ


สาเหตุที่ป้ายโฆษณาเป็นที่นิยมกันมากนั้นอันเนื่องมาจากความสามารถในการดึงดูด การเข้าถึงลูกค้าจำนวนมากไม่กำหนด
เป้าหมายและประกอบด้วยค่าย่อมเยา ซึ่งทั้งสามประการนี้เป็นจุดแข็งของสื่อชนิดนี้ โดยสามารถแจกแจงได้เป็นข้อๆ ดังนี้ ข้อแรก ด้านความสามารถ
ในการดึงดูดหรือเรียกร้องความสนใจ อันเนื่องมาจากมนุษย์มักมองและสังเกตไปในจุดที่สะดุดตาและดูแตกต่างอยู่เสมอ สมมติว่าพื้นที่
ปกตินั้นเป็นตึกสิ่งปลูกสร้างโดยทั่วไปแต่เมื่อมีป้ายที่มีความแตกต่างคนก็มักจะต้องเบนไปมองอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งถ้ามีข้อความหรือ
รูปภาพที่น่าสนใจแล้วยิ่งมีประสิทธิภาพ ข้อสอง ด้านการเข้าถึงกลุ่มคนจำนวน หากเปรียบเทียบกับสื่อสิ่งพิมพ์เหมือนกัน เช่น ใบปลิว แผ่นพับ
ซึ่งมีจำนวนบริเวณกำหนดและการเข้าถึงเจาะจงวงการที่เป็นเป้าหมาย การใช้ป้ายไวนิลจะเข้าถึงได้โดยไม่จำกัดจำนวนและผู้คนหลากหลาย
ประเภทไม่จำกัดส่วนมากกว่า และสุดท้ายข้อสาม ด้านราคา สำหรับสื่อโฆษณาแบบเน้นการเข้าถึงในวงกว้างอย่าง สื่อโทรทัศน์ วิทยุ
นั้นมีรายการจ่ายในการผลิตที่สูงมากเมื่อเทียบป้ายราคาถูกกว่า
การแบ่งชนิดป้ายโฆษณาสามารถแบ่งได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ด้านพื้นที่ใช้งาน เช่น ป้ายใช้ภายใน ภายนอกอาคาร เป็นต้น
หรือ ด้านวัสดุแผ่นป้ายรับทำป้าย เช่น ป้ายไวนิล ป้ายโลหะ ป้ายหลอดไฟ ป้ายอิงค์เจ็ทแบบกระดาษ เป็นต้น แต่ที่นี้จะแบ่งตามขนาด
ของป้ายซึ่งจะเชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ซึ่งสามารถแบ่งได้ออกเป็น 4 ประเภท
1.ป้ายโฆษณาบิลบอร์ด คือ ป้ายที่มีขนาดใหญ่ที่เห็นตามถนน บนทางด่วน ซึ่งต้องสามารถการสังเกตเห็นได้สะดวก แม้ในขณะนั่งรถที่วิ่งด้วยความเร็ว
ป้ายโฆษณาชนิดนี้จะไม่เน้นในการแสดงรายละเอียดผลิตภัณฑ์แต่จะเน้นในด้านทำกระแสความรู้จักมากกว่า
2.ป้ายคัตเอาท์ เป็นป้ายโฆษณาที่จะเน้นในอยู่ระดับสายตามีขนาดใหญ่พอประมาณเพื่อให้ง่ายในการสังเกตในการเดินผ่านไปมา โดยมักจะมี
วัตถุประสงค์ในการดึงดูดความสนใจ ชักจูงในสนใจผลิตภัณฑ์ เช่น โปรโมชั่น แนะนำร้าน เป็นต้น
3.ป้ายโปสเตอร์ เป็นป้ายโฆษณาดึงดูดความสนใจที่มีขนาดใหญ่แต่ไม่มากเท่าคัตเอาท์ซึ่งเป็นตามพื้นที่ต่างๆ ที่จะเน้นพื้นที่คนมักจะยืน
รอหรือมีเวลาในการอ่านมาก เช่น ตามป้ายรถเมล์ ล่างตึก ห้องอาหาร เป็นต้น
ป้ายโฆษณานั้นจะได้ผลต้องมีสิ่งที่สมควรวิเคราะห์ไว้เป็นองค์ประกอบ คือ
1.การออกแบบและรายละเอียดปลีกย่อยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เนื้อหาและรูปภาพต้องเข้าใจง่าย ชัดเจนไม่ยุ่งยาก คนดูเข้าใจในสิ่งที่ต้องการสื่อได้ชัดเจน
2.ขนาด ที่ควรกับเนื้อหากับตำแหน่งที่ต้องใช้ติด สมมติถ้าติดป้ายโฆษณาขนาดเล็กบนทางอาคารสูงก็ไม่เหมาะสม
3.ทำเลในการใช้งาน แม้ป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่หากติดผิดตำแหน่งอาจจะมีศักยภาพไม่เท่าป้ายขนาดเล็กที่เป็นป้ายโฆษณาราคาถูกหากในตำแหน่งที่ใช่ก็ได้
4.วัสดุที่เลือกใช้ คุณลักษณะของวัสดุมีผลอย่างมากในด้านอายุการใช้งาน เพราะป้ายโฆษณาไม่ได้ใช้ครั้งเดียวทิ้ง บางครั้งติดไว้นานเป็นเดือน
หากใช้วัสดุไม่แน่นอนแล้วก็จะทำให้งานโฆษณาเสียหายได้ อย่างเช่น งานที่ใช้ภายนอกต้องคงทนกับสภาพแวดล้อม แสงแดด ฝน ควรจะเป็น
วัสดุที่ต้องคงทนเป็นหลัก หากเป็นภายในอาคารป้ายสติ๊กเกอร์ ป้ายอิงค์เจ็ทก็นับว่าเพียงพอ
ยุคปัจจุบันการทำแผ่นป้ายรับทำป้ายโฆษณานั้นไม่ได้มีสนนราคาแพงเท่าในอดีตเพราะมีเทคโนโลยีการผลิตที่พัฒนามากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการรายเล็ก
สามารถใช้ประโยชน์ได้มาก และทั้งนั้นป้ายโฆษณาราคาถูกไม่ได้ความว่าป้ายไม่มีคุณภาพ ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในหลายๆด้านเป็นสำคัญ

 

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : รับทำป้ายโฆษณา

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://www.prou-d.com/15513680/ป้ายไวนิล

พิมพ์ใบปลิว

พิมพ์ใบปลิวโฆษณาที่เจอ

งานพิมพ์ใบปลิวนับเป็นโฆษณาที่เจอะเจอได้บ่อยมากในแต่ละวัน เชื่อว่าในทุกวันๆที่ท่านเดินทางไปทำงานหรือ
เดินเล่นตามที่ต่างๆ ในวันหยุด คุณจะได้พบเจอการแจกจ่ายใบปลิวเสมอไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้า
หรือแม้แต่หน้าออฟฟิศทำงาน เมื่อคุณได้รับแจกจ่ายสิ่งพิมพ์ใบปลิวเหล่านั้นมีบางครั้งคุณอาจจะสนใจในสินค้าหรือการ
พีอาร์ในใบปลิวนั้นหรือบางเวลาอาจจะทิ้งมันไปโดยไม่ใยดีเลยก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตามอย่างน้อยเมื่อคุณได้รับ
ใบปลิวเข้ามาในมือแล้วคุณก็จะต้องก้มพิจารณาหรืออ่านใบปลิวผ่านตาบ้าง ซึ่งนั่นเป็นข้อดีของใบปลิวที่ทำให้การพิมพ์
ใบปลิวยังคงเป็นที่นิยมกันแง่การตลาดอยู่ทุกวันนี้
การพิมพ์ใบปลิวแต่เดิมตรงนั้นมีรากศัพท์มาจากคำว่า “Fliers”หรือก็คือแผ่นกระดาษที่ใช้โปรยแจกนั่นเอง ซึ่งมักจะ
มีเนื้อความมากกว่ารูปภาพ โดยจะจุดสำคัญหาในเชิงที่ปกปิดไม่ระบุชื่อผู้เขียนใช้ในการเชิญชวน จูงใจ มักจะเป็นในแง่การเมือง
เป็นต้น ซึ่งอาจจะเคยได้สังเกตตามภาพยนตร์ย้อนยุค แต่ต่อมาในสมัยปัจจุบันสิ่งพิมพ์ใบปลิวได้ปรับเปลี่ยนไปในแง่ความหมายเป็น
คำว่า “Leaflet Handbill”ที่เป็นสิ่งพิมพ์ขนาดเล็กคล้ายกับใบไม้โดยมีขนาดพอดีมือ จากเนื้อหาที่ปกปิดก็ถูกเปลี่ยนไป
ใช้ในการโฆษณาจูงใจโดยเปิดเผย การโปรยก็เปลี่ยนเป็นงานแจกจ่ายหรือส่งจดหมายเพื่อให้เหมาะตามยุคสมัย เพราะคงไม่ดี
แน่หากจะโปรยทิ้งให้เป็นขยะตามถนน
แม้งานเปลี่ยนแปลงพวกการใช้งานจะถูกปรับตามยุคสมัย แต่ประเภททางกายภาพของสิ่งพิมพ์ใบปลิวยังคง
เหมือนเดิม สิ่งพิมพ์ใบปลิวนั้นต้องมีเป็นกระดาษหรือเอกสารใบเดียวโดยไม่มีการพับหรือรวมเล่มใดๆ นอกจากนั้นจะ
ปรับแต่งอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา ขนาด หรือจำพวกของกระดาษก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้สร้างเอง ซึ่งสมัยนี้แล้ว
การพิมพ์ใบปลิวมักจะไม่ค่อยเน้นเนื้อหาแต่จะเน้นเฉพาะหัวข้อที่สำคัญหรือรูปภาพเป็นส่วนใหญ่เพื่อให้เกิดความ
น่าสนใจและไม่ทำให้ดูน่าเบื่อเกินไป เช่น หากเป็นงานโฆษณาร้านอาหารใหม่ ก็อาจจะเน้นให้มีรูปบรรยากาศร้านอาหาร
รูปเมนูอาหาร รูปแผนที่การเที่ยว โดยเนื้อหาก็นิยมระบุเพียงคำบรรยายถึงบรรยากาศและรสชาติอาหารเพียงไม่กี่
ประโยค รวมถึงวิธีการไปอย่างย่อและเบอร์โทรศัพท์ติดต่อสื่อสาร เป็นต้น
การพิมพ์ใบปลิวนั้นนับได้ว่าเป็นการจัดทำสื่อโฆษณาประเภทสิ่งพิมพ์ที่ถูกที่สุด หากไม่กำหนดประเภทหรือ
ขนาดกระดาษที่แพงจนเกินไป ซึ่งโดยมากมักจะใช้ขนาด A4 เป็นมาตรฐานเพราะความฉลุยในด้านการพิมพ์และขนาด
ไม่ใหญ่หรือเล็กจนมากเกินไป รวมถึงกระดาษก็จะใช้กระดาษธรรมดา เช่น กระดาษอาร์ตมัน กระดาษปอนด์ โดยมีความหนา
ประมาณ 80 แกรม เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะการพิมพ์ใบปลิวนั้นจะเน้นที่ปริมาณมากกว่า ดังนั้นส่วนมากจะไม่ค่อย
เน้นในการตกแต่งพิเศษประเภทการเคลือบผิวเพราะไม่ได้มุ่งเน้นด้านความแข็งแรงเท่าใดนัก ด้านความงามส่วนใหญ่
จะเรื่องของการของออกแบบไฟล์งานพิมพ์เสียเป็นหลัก แต่อย่างไรก็ดีความสวยหรูเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างแรงดึงดูดในการ
อ่านเป็นอย่างมากจึงไม่ควรจะละเลย
สำหรับวิธีการใช้งานสิ่งพิมพ์ใบปลิวนั้นมีความสำคัญไม่แพ้กัน พวกคุณเคยพิจารณาหรือไม่ว่าแม้ทางด้าน
จิตวิทยาแล้วหากมีการรับใบปลิวเข้ามาภายในมือแล้วอย่างน้อยต้องมองผ่านตาบ้าง ซึ่งคุณจะสนใจหรือไม่เป็นอีกเรื่อง แต่มี
หลายครั้งที่พบว่าบางคนได้รับใบปลิวเข้ามาแล้ววางมือทันทีในเวลานั้นเลยหรือปฏิเสธที่จะรับทันที สิ่งที่สำคัญในงานแจก
ใบปลิวแล้วนอกจากจะเลือกที่มีผู้คนเนืองแน่นแล้วต้องคำนึงถึงความควรของสถานที่และช่วงเวลาด้วย โดย
ส่วนมากผู้จ่ายแจกมักจะละเลยในจุดๆ นี้ เช่น แจกใบปลิวตอนช่วงเวลาเร่งด่วนซึ่งโดยมากผู้คนกำลังรีบ เป็นต้น การพิมพ์
ใบปลิวแจกจ่ายนั้นพึงสังเกตองค์ประกอบต่างๆ ร่วมด้วยเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด



ที่มา : http://www.pimplernprint.com/เเผ่นพับ_ใบปลิว_Digital_Offset/

พิมพ์แคตตาล็อก

พิมพ์แคตตาล็อก (Catalogues)เพิ่มยอดขาย
งานขายเป็นส่วนสำคัญมากที่สุดส่วนหนึ่งในการทำกิจการค้าเกือบทุกประเภท ไม่ว่าเป็นสินค้าและการบริการ แต่สิ่ง
หนึ่งที่จำเป็นต้องมีและขาดไม่ได้คือการชี้แจงให้ลูกค้าทราบได้ว่าหน่วยงานของเรานั้นขายอะไร มีจุดสำคัญอย่างไร แต่การ
อธิบายลูกค้าด้วยปากเปล่านั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่อธิบายได้ทั้งหมด ทำให้การพิมพ์แคตตาล็อกเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ใช้
เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์และการบริการของเราให้ลูกค้าได้รับทราบ ทั้งครอบคลุมเรื่องประกอบ เข้าใจง่าย และมองเห็นภาพตามได้
ดีขึ้น แม้ยุคปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีสารสนเทศมากมายเพื่อใช้ในการนำเสนอมากยิ่งขึ้นทำให้ความนิยมของการใช้งานจะลด
น้อยลงไปบ้าง แต่อย่างไรก็ดีการพิมพ์แคตตาล็อกก็ยังคงตอบโจทย์ในด้านความสบายโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต
ทั้งยังพกพาคล่อง ไม่เพียงเท่านั้นยังง่ายต่อการใช้อีกครั้ง สามารถนำกลับมาดูใหม่ได้ ทั้งยังทำเป็นจดบันทึกลงรายละเอียด
เพิ่มเติมได้อีกด้วย
งานพิมพ์แคตตาล็อก (Catalogue) คือสิ่งพิมพ์ที่มีรูปพรรณเป็นสิ่งพิมพ์ที่ถูกเย็บรวมเข้าเป็นเล่ม เหมือนกับ
หนังสือ วารสารหรือนิตยสาร ทั้งนั้นยังต้องมีองค์ประกอบจำพวก บทนำ สารบัญ และเนื้อหารายละเอียดเหมือนกับ
หนังสือ ทำให้ส่วนใหญ่เกิดข้อสงสัยว่าแคตตาล็อกแตกต่างจากสิ่งพิมพ์รวมเล่มชนิดอื่นอย่างไร สิ่งที่แตกต่างก็คือ
วัตถุประสงค์การใช้งานเป็นหลัก โดยที่แคตตาล็อกนั้นจะมุ่งเน้นสาระในด้านการโฆษณาและจัดแสดงแนะนำสินค้าเป็น
สำคัญ โดยจะมีรูปภาพและคำอธิบายเกี่ยวกับสินค้าและการบริการแต่ละลักษณะขององค์กรเพื่อให้ผู้อ่านสามารถทำ
ความเข้าใจได้ดีขึ้น โดยต้องมีการจัดทำหมวดหมู่สินค้าเป็นกลุ่มอย่างชัดเจนเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจหาและมีการระบุหน้าลง
ในสารบัญด้วย
เนื่องด้วยงานเสนอสินค้าเป็นงานที่ค่อนข้างจะสำคัญมาก ทำให้การออกแบบและจัดทำจะต้องคำนึงถึง
คุณภาพและความละเอียดลออเป็นสำคัญ โดยจะแบ่งส่วนเพิ่มเติมส่วนเพิ่มเติมโครงสร้างการพิมพ์แคตตาล็อกเป็น 2 ส่วน คือ
1.ส่วนปกเล่ม ส่วนตรงนี้เป็นจำพวกที่โชว์และสร้างแรงชักชวนใจในการอ่านให้กับผู้พบเห็นจึงควรจะมีการออกแบบ
อาร์ตเวิร์คที่ดี การเลือกสรรใช้วัสดุหรือกระดาษที่มีคุณภาพและมีความหนาที่มากกว่าในส่วนของสาระ โดยอาจจะ
ใช้กระดาษแบบอาร์ตการ์ด 190 แกรมขึ้นไป หรือกระดาษอาร์ตมันหรือกระดาษหนา 90 แกรมขึ้นไปก็เป็นได้และ
มีการเติมแต่งใช้สีและตกแต่งรูปภาพที่ดูน่าสนใจ รวมทั้งใช้เทคนิคในการพิมพ์ เช่น การปั๊มนูน การทำ Spot UV
ในจุดที่ต้องเน้นหนักเป็นพิเศษ หรือแม้กระทั่งการเคลือบฟิล์มลามิเนตเพื่อป้องกันความพังจากภายนอก เป็นต้น
2.ส่วนเนื้อหา ซึ่งในส่วนะนี้เป็นหมวดนี้จะรวมถึงบทนำ สารบัญไว้ด้วยโดยจะใช้กระดาษที่เป็นกระดาษปอนด์ 80 แกรมขึ้นไปเพื่อไม่
ให้หมึกหรือสีเปรอะเปื้อนเพราะส่วนมากเนื้อหามักมีรูปภาพอธิบายจึงใช้สีค่อนข้างมาก แต่หากต้องการให้มีการพิมพ์สองหน้า
อาจจะต้องใช้กระดาษที่มีความหนาเพิ่มขึ้นเพื่อให้ไม่สามารถมองทะลุเห็นได้ทั้งสองด้าน เป็นต้น นอกจากนี้การใช้สีควรจะ
ทำให้งานที่พิมพ์ออกมานั้นเหมือนสินค้าจริงให้มากที่สุดเพราะอาจจะทำให้เกิดคำถามกับลูกค้าภายหลังได้ซึ่งต้องใช้
ความช่ำชองพอสมควร
ในด้านการเลือกใช้ขนาดของการพิมพ์แคตตาล็อกนั้นต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 3 ประการ ประการแรกความสมดุล
ระหว่างขนาดเล่มกับความหนาของเนื้อหา ยกตัวอย่างเช่น หากกำหนดขนาดเล่มให้มีขนาดเล็ก แต่มีเนื้อหาที่ต้องอธิบายมาก
ทำให้รูปเล่มมีความหนามากเกินไป ซึ่งจะส่งผลให้ผู้รับสารรู้เอียนและไม่อยากอ่าน เป็นต้น อย่างที่สองความสมดุลระหว่าง
สัดส่วนเล่มกับสัดส่วนภาพ โดยการวางรูปภาพในเนื้อหาต่อ 1 หน้ามากที่สุดไม่ควรเกิน 8 ภาพเพราะส่งผลให้เกิดการลายตาได้
และต้องมีการจัดรูปภาพให้มีสัดส่วนที่ทำให้ลูกค้าสามารถสังเกตเห็นได้เด่นโดยไม่เล็กจนเกินไป ประการท้ายที่สุดคือความสมดุล
ระหว่างขนาดเล่มกับขนาดตัวหนังสือ ส่วนใหญ่การจัดทำแคตตาล็อกมักจะไม่เน้นการลงรายละเอียดที่เป็นตัวหนังสือมากนัก
จึงไม่ค่อยมีคำถาม แต่สำหรับสินค้าบางพันธุ์หรือสินค้าที่เน้นด้านการบริการที่ต้องมีการอธิบายเนื้อหาเป็นจำนวนมาก
การกำหนดขนาดตัวอักษรจะต้องทำให้สามารถเห็นและอ่านได้ง่ายๆ อาจจะต้องมีเทคนิคการจัดรูปแบบการอ่านที่ดูน่าสนใจ
ซึ่งอาจจะทำให้ใช้พื้นที่ในหน้าค่อนข้างมาก โดยทั้งหมดนี้มีองค์ประกอบที่ต้องคำนึงร่วมในการออกแบบและกำหนดขนาด
ซึ่งสัดส่วนของรูปเล่มที่นิยมใช้กับก็ตั้งแต่ขนาดใหญ่ 15 x 10.25 นิ้ว หรือเล็กที่สุดคร่าวๆกระดาษ A6 โดยขนาดที่ใช้
เป็นประจำที่สุดคือ A4 เพราะมีขนาดที่พอดี พกพาสะดวก รวมถึงง่ายในออกแบบและจัดหน้ากระดาษ
ส่วนนี้จะกล่าวถึงทางการแจกจ่ายหรือการใช้งานพิมพ์แคตตาล็อกเพื่อให้เกิดผลสูงสุด สำหรับพิมพ์แคตตาล็อก
นี้ถือว่าเป็นสิ่งพิมพ์ที่มีทุนโดยมากโด่ง ซึ่งหากให้เตรียมพิมพ์เป็นปริมาณก็อาจจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากจนเกินไป เพื่อให้ได้
ประสิทธิภาพและการความคุ้มค่าที่สุดควรจะมีการกำหนดจำเพาะระบุเป้าหมายที่ต้องการให้ได้รับสาร เช่น การส่งตรงถึง
ลูกค้าที่เป็นขาประจำหรือบริโภคสินค้าอย่างติดต่อ หรือ กลุ่มสมาชิกหรือผู้ที่ลงบัญชีมีความต้องการข่าวสาร เป็นต้น
โดยอาจจะส่งผ่านทางไปรษณีย์หรือการส่งให้กับมือผู้รับสารเองก็ได้ โดยกลุ่มบุคคลเหล่านี้ทางผู้จัดทำเองต้องคาดหวังที่จะ
ได้รับการตอบรับมากกว่าสื่อสิ่งพิมพ์โฆษณาแบบอื่นๆ แต่สำหรับกิจการบางประเภทอาจจะใช้การจัดพิมพ์แคตตาล็อกเพียงไม่กี่
เล่มโดยเตรียมแบ่งให้ในส่วนของหน้าร้านรวงเพื่อใช้สำหรับเวลาที่ลูกค้าเข้ามาไต่ถาม หรือแบ่งให้ฝ่ายขายหรือตัวแทนขาย
ไว้ใช้เพียงเท่านั้นก็สามารถทำได้

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : พิมพ์แคตตาล็อก วารสาร

เครดิต : http://www.pimplernprint.com/แคตตาล็อก_วารสาร/

ผลิตภัณฑ์กำจัดไรฝุ่น


กำจัดไรฝุ่น ขาดไม่ได้ต้องใช้สารเคมีหรือไม่
ไรฝุ่น เป็นชื่อของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในระดับที่ตามองดูไม่เห็น มันเล็กมาก ประมาณ 1/100 ของหน่วยวัดความยาวเป็นนิ้ว
แต่ถึงตัวมันจะอนุก็ส่งผลต่อคนเราในระดับที่ไม่อาจละเลย เพราะเจ้าสัตว์ขนาดเล็กมากชนิดนี้แหละเป็นตัวทำให้เราเกิดอาการภูมิแพ้
ที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของคนได้ โดยไรฝุ่นจะเกิดสารก่อภูมิแพ้ ที่เป็นมูลเหตุของโรคทางเดินหายใจอักเสบ เป็นหวัดเรื้อรัง
มีอาการคันแลเคืองในดวงตา ตาแดง มีอาการโรคหอบหืด ไมเกรน และอาการผื่นคันตามผิวหนัง และไรฝุ่นสามารถ
แพร่กระจายขยายพันธุ์ได้อย่างเร็วภายในบ้านที่อยู่อาศัย เพราะมันนิยมอาศัยอยู่ตามผ้า หรือในสิ่งที่มีเส้นใย และที่มันชอบ
มาอยู่ในที่อยู่ที่มีคนอยู่อาศัยอยู่มากก็คือ มันกินเศษผิวหนังที่หลุดออกของคนเราเป็นอาหาร ! เพราะเช่นนั้นในที่ๆ มีคน มีเส้นใย
จึงเป็นไปได้ที่จะมีไรฝุ่นเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนส่งผลร้ายต่อสุขภาพ ดังนั้นคนจำเป็นที่จะต้องหาวิธี กำจัดไรฝุ่น
ให้ออกไปให้พ้นจากที่อยู่ และการ กำจัดไรฝุ่น ที่นิยมกันก็คือสารใช้สารเคมี ซึ่งบางคนก็ห่วงใยในเรื่องผลกระทบ
ต่อร่างกายของเราด้วย อย่างไรก็ตามการ กำจัดไรฝุ่น มีอยู่ด้วยกันหลายแบบ ไม่ได้มีแค่ วิธี กำจัดไรฝุ่น ที่ต้องใช้สารเคมีแค่นั้น
วิธีการ กำจัดไรฝุ่น แบบไม่จำเป็นใช้สารเคมี ได้แก่...
1.การ กำจัดไรฝุ่น ด้วยแสงแดด ไรฝุ่นมีขนาดที่เล็กไม่ทนต่อความร้อนและรังสีจากแสงอาทิตย์ การนำเอาสิ่งที่เป็นผ้า
หรือเส้นใยไปตากแดด สามารถ กำจัดไรฝุ่น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.การ กำจัดไรฝุ่น ด้วยการซักในน้ำร้อน การนำเอาผ้าที่สัมผัสกับร่างกายของเราเป็นประจำอย่างผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน
ผ้าห่ม หรืออื่นๆ ไปซักด้วยน้ำร้อน ทุกๆ 2 อาทิตย์ ช่วยในการ กำจัดไรฝุ่น ได้เช่นเดียวกัน
3.การ กำจัดไรฝุ่น ด้วย เครื่องดูดไรฝุ่น เป็นเครื่องมือที่ถูกปรับปรุงขึ้นมาเพื่อจัดการ กำจัดไรฝุ่น โดยเฉพาะ แต่อาจจะ
มีราคาสูงอยู่บ้างในการที่จะซื้อเอามาใช้งาน แต่ก็ถือว่าเป็นเครื่องใช้ไม้สอยที่คุ้มค่าทีเดียว
4.การใช้ เครื่องฟอกอากาศ ที่มีระบบ กำจัดไรฝุ่น ซึ่งนอกจากสามาร กำจัดไรฝุ่น แล้ว ก็ยังสนับสนุนในเรื่องการดูดกลิ่น
ทำให้อากาศใสสะอาดสดชื่นได้อีกด้วย แต่ก็แน่นอนว่ามีมูลค่าสูง
5.ใช้ผ้าป้องกันไรฝุ่น เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกเจริญขึ้นมาเพื่อป้องกันไรฝุ่นโดยเฉพาะ สมัยนี้มีปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน
ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีนี้ออกมาจำหน่าย
นี่เป็นวิธีการที่คนสามารถใช้ กำจัดไรฝุ่น หรือดูแลไม่ให้มันกลายมาเป็นปัญหากับสุขภาพอนามัยของเราโดยที่ไม่ต้องใช้สารเคมี

 

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : กําจัดไรฝุ่น

ที่มา : http://praiya.lnwshop.com/

ป้ายโฆษณาป้ายอิงค์เจ็ท (inkjet)

สินค้ากว่านับพันนับหมื่นชิ้นท้องตลาด ผู้ประกอบการกว่านับร้อยนับพันรายที่เป็นผู้จำหน่ายสินค้าและบริการ ปัญหาคือจะทำ
อย่างไรให้สินค้าเป็นที่รู้จัก และจะทำอย่างไรให้ผู้ซื้อเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ตัวนี้มากกว่าผลิตภัณฑ์ตัวอื่นแน่นอนว่าจำเป็นต้องมีการโฆษณา
ทั้งนั้นเครื่องมือชนิดหนึ่งที่สะดุดตามากในการชักจูงสินค้าในด้านการเข้าถึงและสร้างความรู้จักให้กับผู้คนผ่านการมองเห็น สามารถ
เข้าถึงกลุ่มคนได้หลากหลายและเป็นจำนวนมากนั่นคือ “ป้ายโฆษณา” ซึ่งปัจจุบันนี้สามารถเห็นสื่อชนิดนี้ได้ตามบริเวณที่มีผู้คนล้มหลาม
เป็นจุดที่มองดูและมองเห็นได้ง่าย เช่น ตามอาคารสูง ทางด่วน เป็นต้นจะมีทั้งป้ายโครงเหล็ก ป้ายบิลบอร์ด ป้ายแบนเนอร์ฝังผนัง หรือ
จะเป็นป้ายราคาถูกอย่าง ป้ายอิงค์เจ็ท ป้ายไวนิล เป็นต้น ทั้งนั้นเดี๋ยวนี้งานแผ่นป้ายรับทำป้ายนั้นมีอยู่หลายหลากขึ้นอยู่กับประเภทวัสดุ
และการใช้งานเป็นสำคัญ


สาเหตุที่ป้ายโฆษณาเป็นที่นิยมกันมากนั้นอันเนื่องมาจากความสามารถในการดึงดูด การเข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมากไม่จำกัด
เป้าหมายและมีมูลค่าถูก ซึ่งทั้งสามประการนี้เป็นจุดแข็งของสื่อชนิดนี้ โดยสามารถแจกแจงได้เป็นข้อๆ ดังนี้ ข้อแรก ด้านความสามารถ
ในการดึงดูดความสนใจหรือเรียกร้องความสนใจ อันเนื่องมาจากมนุษย์มักมองและสังเกตไปในจุดที่สะดุดตาและดูแตกต่างอยู่เสมอ สมมติว่าพื้นที่
ปกตินั้นเป็นตึกสิ่งปลูกสร้างโดยทั่วไปแต่เมื่อมีป้ายที่มีความแตกต่างคนก็มักจะต้องเบนไปมองอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งถ้ามีข้อความหรือ
รูปภาพที่น่าสนใจแล้วยิ่งมีประสิทธิภาพ ข้อสอง ด้านการเข้าถึงประชากรจำนวน หากเปรียบเทียบกับสื่อสิ่งพิมพ์เหมือนกัน เช่น ใบปลิว แผ่นพับ
ซึ่งมีจำนวนที่เล็กและการเข้าถึงเฉพาะสังคมที่เป็นเป้าหมาย การใช้ป้ายไวนิลจะเข้าถึงได้โดยไม่จำกัดจำนวนและผู้คนหลากหลาย
ประเภทไม่จำกัดสังคมมากกว่า และสุดท้ายข้อสาม ด้านราคา สำหรับสื่อโฆษณาแบบเน้นการเข้าถึงในวงกว้างอย่าง สื่อโทรทัศน์ วิทยุ
นั้นมีรายจ่ายในการผลิตที่สูงมากเมื่อเทียบป้ายราคาถูกกว่า
การแบ่งประเภทป้ายโฆษณาสามารถแบ่งได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ด้านพื้นที่ใช้งาน เช่น ป้ายใช้ภายใน ภายนอกอาคาร เป็นต้น
หรือ ด้านวัสดุแผ่นป้ายรับทำป้าย เช่น ป้ายไวนิล ป้ายโลหะ ป้ายหลอดไฟ ป้ายอิงค์เจ็ทแบบกระดาษ เป็นต้น แต่ที่นี้จะแบ่งตามขนาด
ของป้ายซึ่งจะเชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ซึ่งสามารถแบ่งได้ออกเป็น 4 ประเภท
1.ป้ายโฆษณาบิลบอร์ด คือ ป้ายที่มีขนาดใหญ่ที่เห็นตามถนน บนทางด่วน ซึ่งต้องสามารถการมองเห็นได้สะดวก แม้ในขณะนั่งรถที่วิ่งด้วยความเร็ว
ป้ายโฆษณาชนิดนี้จะไม่เน้นในการแสดงรายละเอียดสินค้าแต่จะเน้นในด้านสร้างความรู้จักมากกว่า
2.ป้ายคัตเอาท์ เป็นป้ายโฆษณาที่จะเน้นในอยู่ระดับสายตามีขนาดใหญ่พอประมาณเพื่อให้ง่ายในการดูในการเดินผ่านไปมา โดยมักจะมี
วัตถุประสงค์ในการดึงดูด ชักจูงในสนใจผลิตภัณฑ์ เช่น โปรโมชั่น แนะนำร้าน เป็นต้น
3.ป้ายโปสเตอร์ เป็นป้ายโฆษณาดึงดูดที่มีขนาดใหญ่แต่ไม่มากเท่าคัตเอาท์ซึ่งเป็นตามพื้นที่ต่างๆ ที่จะเน้นพื้นที่คนมักจะยืน
รอหรือมีเวลาในการอ่านมาก เช่น ตามป้ายรถเมล์ ล่างตึก ห้องอาหาร เป็นต้น
ป้ายโฆษณานั้นจะได้ผลต้องมีสิ่งที่สมควรคำนึงไว้เป็นองค์ประกอบ คือ
1.การออกแบบและรายละเอียดปลีกย่อยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เนื้อหาและรูปภาพต้องเข้าใจง่าย ชัดเจนไม่สลับซับซ้อน คนดูเข้าใจในสิ่งที่มุ่งหมายสื่อได้ชัดเจน
2.ขนาด ที่พอดีกับเนื้อหากับตำแหน่งที่ต้องใช้ติด สมมติถ้าติดป้ายโฆษณาขนาดเล็กบนทางตึกสูงก็ไม่เหมาะสม
3.ทำเลที่ตั้งในการใช้งาน แม้ป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่หากติดผิดตำแหน่งอาจจะมีประสิทธิภาพไม่เท่าป้ายขนาดเล็กที่เป็นป้ายโฆษณาราคาถูกหากในตำแหน่งที่ใช่ก็ได้
4.วัสดุที่เลือกใช้ คุณภาพของวัสดุมีผลอย่างมากในด้านอายุการใช้งาน เพราะป้ายโฆษณาไม่ได้ใช้ครั้งเดียวทิ้ง บางครั้งติดไว้ยาวนานเป็นเดือน
หากใช้วัสดุไม่แน่นอนแล้วก็จะทำให้งานโฆษณาเสียหายได้ อย่างเช่น งานที่ใช้ภายนอกต้องคงทนกับสภาพแวดล้อม แสงแดด ฝน ควรจะเป็น
วัสดุที่ต้องทนทานเป็นหลัก หากเป็นภายในอาคารป้ายสติ๊กเกอร์ ป้ายอิงค์เจ็ทก็นับว่าเพียงพอ
ช่วงปัจจุบันการทำแผ่นป้ายรับทำป้ายโฆษณานั้นไม่ได้มีสนนราคาแพงมากเท่าในอดีตเพราะมีเทคโนโลยีการผลิตที่พัฒนามากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการรายเล็ก
สามารถใช้ประโยชน์ได้มากมาย และทั้งนั้นป้ายโฆษณาราคาถูกไม่ได้ความว่าป้ายไม่มีคุณภาพ ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในหลายๆด้านเป็นสำคัญ

 



ขอบคุณบทความจาก : http://www.prou-d.com/15513680/ป้ายไวนิล

พิมพ์ใบปลิว

พิมพ์ใบปลิวสื่อโฆษณาที่เจอ

การพิมพ์ใบปลิวนับเป็นโฆษณาที่ประสบได้บ่อยมากในแต่ละวัน เชื่อว่าในทุกวันๆที่ท่านเดินทางไปทำงานหรือ
เดินเล่นตามสถานที่ต่างๆ ในวันหยุด คุณจะได้พบเจอการแจกใบปลิวเสมอไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้า
หรือแม้แต่หน้าออฟฟิศทำงาน เมื่อคุณได้รับแจกจ่ายสิ่งพิมพ์ใบปลิวเหล่านั้นมีบางครั้งคุณอาจจะสนใจในสินค้าหรือการ
การบอกข่าวในใบปลิวตรงนั้นหรือบางคราวอาจจะทิ้งมันไปโดยไม่ใยดีเลยก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตามอย่างน้อยเมื่อคุณได้รับ
ใบปลิวเข้ามาในมือแล้วคุณก็จะต้องก้มมองดูหรืออ่านใบปลิวผ่านตาบ้าง ซึ่งนั่นเป็นจุดหลักของใบปลิวที่ทำให้การพิมพ์
ใบปลิวยังคงเป็นที่นิยมกันแง่การตลาดอยู่ทุกวันนี้
งานพิมพ์ใบปลิวแต่เดิมนั้นมีรากศัพท์มาจากคำว่า “Fliers”หรือก็คือแผ่นกระดาษที่ใช้โปรยแจกนั่นเอง ซึ่งมักจะ
มีจุดสำคัญมากกว่ารูปภาพ โดยจะใจความหาในเชิงที่ปกปิดไม่ระบุชื่อผู้เขียนใช้ในการเชิญชวน จูงใจ มักจะเป็นในแง่การเมือง
เป็นต้น ซึ่งอาจจะเคยได้สังเกตตามภาพยนตร์ย้อนสมัย แต่ต่อมาในประจุบันสิ่งพิมพ์ใบปลิวได้ปรับเปลี่ยนไปในแง่ความหมายเป็น
คำว่า “Leaflet Handbill”ที่เป็นสิ่งพิมพ์ขนาดเล็กคล้ายกับใบไม้โดยมีขนาดพอดีมือ จากเนื้อหาที่ปกปิดก็ถูกเปลี่ยนไป
ใช้ในการสื่อโฆษณาจูงใจโดยเปิดเผย การโปรยก็เปลี่ยนเป็นการแจกหรือส่งจดหมายเพื่อให้เหมาะตามยุคสมัย เพราะคงไม่ดี
แน่หากจะโปรยทิ้งให้เป็นขยะตามท้องถนน
แม้งานเปลี่ยนแปลงด้านการใช้งานจะถูกปรับตามยุคสมัย แต่ลักษณะทางกายภาพของสิ่งพิมพ์ใบปลิวยังคง
เหมือนเดิม สิ่งพิมพ์ใบปลิวนั้นต้องมีเป็นกระดาษหรือเอกสารใบเดียวโดยไม่มีการพับหรือรวมเล่มใดๆ นอกจากนั้นจะ
ปรับแต่งอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา ขนาด หรือพวกของกระดาษก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้สร้างเอง ซึ่งปัจจุบันแล้ว
งานพิมพ์ใบปลิวมักจะไม่ค่อยเน้นเนื้อหาแต่จะเน้นเฉพาะข้อที่สำคัญหรือรูปภาพเป็นส่วนใหญ่เพื่อให้เกิดความ
น่าสนใจและไม่ทำให้ดูน่าเบื่อเกินไป เช่น หากเป็นการสื่อโฆษณาร้านอาหารใหม่ ก็อาจจะเน้นให้มีรูปบรรยากาศร้านอาหาร
รูปเมนูอาหาร รูปแผนที่การเที่ยว โดยเนื้อหาก็นิยมระบุเพียงคำบรรยายถึงบรรยากาศและรสชาติอาหารเพียงไม่กี่
ประโยค รวมถึงวิธีการไปอย่างย่อและเบอร์โทรศัพท์สื่อสาร เป็นต้น
งานพิมพ์ใบปลิวนั้นนับได้ว่าเป็นการจัดทำโฆษณาประเภทสิ่งพิมพ์ที่ถูกที่สุด หากไม่กำหนดประเภทหรือ
ขนาดกระดาษที่แพงจนเกินไป ซึ่งโดยมากมักจะใช้ขนาด A4 เป็นมาตรฐานเพราะความง่ายในด้านการพิมพ์และขนาด
ไม่เทอะทะหรือเล็กจนมากเกินไป รวมถึงกระดาษก็จะใช้กระดาษธรรมดา เช่น กระดาษอาร์ตมัน กระดาษปอนด์ โดยมีความหนา
ประมาณ 80 แกรม เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะการพิมพ์ใบปลิวตรงนั้นจะเน้นที่ปริมาณมากกว่า ดังนั้นโดยมากจะไม่ค่อย
เน้นในการแต่งเติมพิเศษประเภทการเคลือบผิวเพราะไม่ได้เน้นด้านความแข็งแรงเท่าใดนัก ด้านความสวยหรูส่วนใหญ่
จะเรื่องของงานของออกแบบไฟล์งานพิมพ์เสียเป็นหลัก แต่อย่างไรก็ดีความเรียบร้อยเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างแรงดึงดูดในการ
อ่านเป็นอย่างมากจึงไม่สมควรละเลย
สำหรับวิธีการใช้งานสิ่งพิมพ์ใบปลิวนั้นมีความสำคัญไม่แพ้กัน พวกคุณเคยตรวจดูหรือไม่ว่าแม้ทางด้าน
จิตวิทยาแล้วหากมีการรับใบปลิวเข้ามาในที่มือแล้วอย่างน้อยต้องมองดูผ่านตาบ้าง ซึ่งคุณจะสนใจหรือไม่เป็นอีกเรื่อง แต่มี
หลายครั้งที่พบว่าบางคนได้รับใบปลิวเข้ามาแล้ววางมือรวดเร็วในเวลานั้นเลยหรือปฏิเสธที่จะรับทันที สิ่งที่สำคัญในการจ่ายแจก
ใบปลิวแล้วนอกจากจะเลือกที่มีผู้คนคับคั่งแล้วต้องคำนึงถึงความเหมาะของสถานที่และช่วงเวลาด้วย โดย
ส่วนมากผู้แจกจ่ายมักจะละเลยในจุดๆ นี้ เช่น จ่ายแจกใบปลิวตอนช่วงเวลาเร่งด่วนซึ่งโดยมากผู้คนกำลังรีบ เป็นต้น งานพิมพ์
ใบปลิวแจกนั้นพึงพินิจองค์ประกอบต่างๆ ร่วมด้วยเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : พิมพ์ใบปลิว ถูก

ขอบคุณบทความจาก : http://www.pimplernprint.com/เเผ่นพับ_ใบปลิว_Digital_Offset/

พิมพ์แคตตาล็อก

พิมพ์แคตตาล็อก (Catalogues)ราคาถูก
งานขายเป็นส่วนสำคัญมากที่สุดส่วนหนึ่งในการทำกิจการค้าเกือบทุกประเภท ไม่ว่าเป็นสินค้าและการบริการ แต่สิ่ง
หนึ่งที่จำเป็นต้องมีและขาดไม่ได้คือการนำเสนอให้ลูกค้าทราบได้ว่าหน่วยงานของเรานั้นขายอะไร มีสาระสำคัญอย่างไร แต่การ
อธิบายลูกค้าด้วยปากเปล่านั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่บรรยายได้ทั้งหมด ทำให้การพิมพ์แคตตาล็อกเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ใช้
เพื่อแนะนำสินค้าและการบริการของเราให้ลูกค้าได้รับทราบ ทั้งครอบคลุมรายละเอียด เข้าใจง่าย และมองเห็นภาพตามได้
ดีขึ้น แม้ยุคปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีสารสนเทศมากมายเพื่อใช้ในการเสนอมากยิ่งขึ้นทำให้ความนิยมของการใช้งานจะลด
น้อยลงไปบ้าง แต่อย่างไรก็ดีการพิมพ์แคตตาล็อกก็ยังคงตอบโจทย์ในด้านความราบรื่นโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต
ทั้งยังพกพาสบาย ไม่เพียงเท่านั้นยังง่ายต่อการใช้อีกครั้ง สามารถนำกลับมาดูใหม่ได้ ทั้งยังอาจจดบันทึกลงรายละเอียด
เพิ่มเติมได้อีกด้วย
งานพิมพ์แคตตาล็อก (Catalogue) คือสิ่งพิมพ์ที่มีรูปพรรณเป็นสิ่งพิมพ์ที่ถูกเย็บรวมเข้าเป็นเล่ม เหมือนกับ
หนังสือ วารสารหรือนิตยสาร ทั้งนั้นยังต้องมีองค์ประกอบจำพวก บทนำ สารบัญ และเนื้อหาเรื่องประกอบเหมือนกับ
หนังสือ ทำให้ส่วนใหญ่เกิดข้อสงสัยว่าแคตตาล็อกแตกต่างจากสิ่งพิมพ์รวมเล่มประเภทอื่นอย่างไร สิ่งที่แตกต่างก็คือ
จุดมุ่งหมายการใช้งานเป็นหลัก โดยที่แคตตาล็อกนั้นจะมุ่งเน้นสาระสำคัญในด้านการโฆษณาและจัดแสดงแนะนำสินค้าเป็น
สำคัญ โดยจะมีรูปภาพและคำอธิบายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการบริการแต่ละกลุ่มขององค์กรเพื่อให้ผู้อ่านสามารถทำ
ความเข้าใจได้ดีขึ้น โดยต้องมีการจัดทำหมวดหมู่สินค้าเป็นกลุ่มอย่างชัดเจนเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจหาและมีการระบุหน้าลง
ในสารบัญด้วย
เนื่องด้วยงานเสนอสินค้าเป็นงานที่ค่อนข้างจะสำคัญมาก ทำให้การออกแบบและจัดทำจะต้องคำนึงถึง
คุณภาพและความละเอียดลออเป็นสำคัญ โดยจะแบ่งส่วนเพิ่มเติมส่วนเพิ่มเติมโครงสร้างการพิมพ์แคตตาล็อกเป็น 2 ส่วน คือ
1.ส่วนปกเล่ม ส่วนนี้เป็นจำพวกที่แสดงและสร้างแรงชักชวนใจในการอ่านให้กับผู้พบเห็นจึงควรจะมีการออกแบบ
อาร์ตเวิร์คที่ดี การคัดใช้วัสดุหรือกระดาษที่มีคุณภาพและมีความหนาที่มากกว่าในส่วนของใจความ โดยอาจจะ
ใช้กระดาษลักษณะอาร์ตการ์ด 190 แกรมขึ้นไป หรือกระดาษอาร์ตมันหรือกระดาษหนา 90 แกรมขึ้นไปก็เป็นได้และ
มีการตกแต่งใช้สีและตกแต่งรูปภาพที่ดูน่าสนใจ รวมทั้งใช้เทคนิคในการพิมพ์ เช่น การปั๊มนูน การทำ Spot UV
ในจุดที่ต้องมุ่งเน้นเป็นพิเศษ หรือแม้กระทั่งการเคลือบฟิล์มลามิเนตเพื่อป้องกันความเสียหายจากภายนอก เป็นต้น
2.ส่วนเนื้อหา ซึ่งในส่วนะนี้เป็นจำพวกนี้จะรวมถึงบทนำ สารบัญไว้ด้วยโดยจะใช้กระดาษที่เป็นกระดาษปอนด์ 80 แกรมขึ้นไปเพื่อไม่
ให้หมึกหรือสีเลอะเทอะเพราะส่วนมากเนื้อหามักมีรูปรูปประกอบจึงใช้สีค่อนข้างมาก แต่หากต้องการให้มีการพิมพ์สองหน้า
อาจจะต้องใช้กระดาษที่มีความหนาเพิ่มขึ้นเพื่อให้ไม่สามารถสังเกตผ่านเห็นได้ทั้งสองด้าน เป็นต้น นอกจากนี้การใช้สีควรจะ
ทำให้งานที่พิมพ์ออกมานั้นเหมือนผลิตภัณฑ์จริงให้มากที่สุดเพราะอาจจะทำให้เกิดคำถามกับลูกค้าภายหลังได้ซึ่งต้องใช้
ความแตกฉานพอสมควร
ในด้านการเลือกใช้สัดส่วนของการพิมพ์แคตตาล็อกนั้นต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 3 ประการ ประการแรกความสมดุล
ระหว่างสัดส่วนเล่มกับความหนาของเนื้อหา ยกตัวอย่างเช่น หากกำหนดขนาดเล่มให้มีสัดส่วนเล็ก แต่มีเนื้อหาที่ต้องอธิบายมาก
ทำให้รูปเล่มมีความหนามากเกินไป ซึ่งจะส่งผลให้ผู้รับสารรู้เซ็งและไม่อยากอ่าน เป็นต้น ประการที่สองความสมดุลระหว่าง
ขนาดเล่มกับสัดส่วนภาพ โดยการวางรูปภาพในเนื้อหาต่อ 1 หน้ามากที่สุดไม่ควรเกิน 8 ภาพเพราะส่งผลให้เกิดการลายตาได้
และต้องมีการจัดรูปภาพให้มีสัดส่วนที่ทำให้ลูกค้าสามารถสังเกตเห็นได้เด่นโดยไม่เล็กจนเกินไป ประการสุดท้ายนี้คือความสมดุล
ระหว่างขนาดเล่มกับขนาดตัวหนังสือ ส่วนใหญ่การจัดแจงทำแคตตาล็อกมักจะไม่เน้นการลงรายละเอียดที่เป็นตัวหนังสือมากนัก
จึงไม่ค่อยมีข้อสงสัย แต่สำหรับสินค้าบางพันธุ์หรือผลิตภัณฑ์ที่เน้นด้านการบริการที่ต้องมีการบรรยายเนื้อหาเป็นจำนวนมาก
การกำหนดสัดส่วนตัวอักษรจะต้องทำให้สามารถสังเกตเห็นและอ่านได้ง่ายๆ อาจจะต้องมีเคล็ดลับการจัดรูปแบบการอ่านที่ดูน่าสนใจ
ซึ่งอาจจะทำให้ใช้พื้นที่ในหน้าค่อนข้างมาก โดยทั้งหมดนี้มีองค์ประกอบที่ต้องคิดร่วมในการออกแบบและกำหนดสัดส่วน
ซึ่งขนาดของรูปเล่มที่นิยมใช้กับก็ตั้งแต่ขนาดใหญ่ 15 x 10.25 นิ้ว หรือเล็กที่สุดประมาณกระดาษ A6 โดยสัดส่วนที่ใช้
เรื่อยๆที่สุดคือ A4 เพราะมีขนาดที่พอดี พกพาสะดวก รวมถึงง่ายๆในออกแบบและจัดหน้ากระดาษ
ส่วนนี้จะกล่าวถึงลู่ทางการแจกจ่ายหรือการใช้งานพิมพ์แคตตาล็อกเพื่อเกิดคุณประโยชน์สูงสุด สำหรับพิมพ์แคตตาล็อก
นี้ถือว่าเป็นสิ่งพิมพ์ที่มีทุนมักสูง ซึ่งหากให้จัดแจงพิมพ์เป็นปริมาณก็อาจจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากจนเกินไป เพื่อให้ได้
ประสิทธิภาพและการความคุ้มที่สุดควรจะมีการกำหนดจำเพาะจำเพาะเป้าหมายที่ต้องการให้ได้รับสาร เช่น การส่งตรงถึง
ลูกค้าที่เป็นเจ้าประจำหรือบริโภคสินค้าอย่างต่อเนื่อง หรือ กลุ่มสมาชิกหรือผู้ที่ลงชื่อมีความต้องการข่าวสาร เป็นต้น
โดยอาจจะส่งผ่านทางไปรษณีย์หรือการมอบให้กับมือผู้รับสารเองก็ได้ โดยกลุ่มบุคคลเหล่านี้ทางผู้จัดเตรียมทำเองต้องคาดหวังที่จะ
ได้รับการตอบกลับมากกว่าสื่อสิ่งพิมพ์โฆษณาแบบอื่นๆ แต่สำหรับกิจการบางแบบอาจจะใช้การตระเตรียมพิมพ์แคตตาล็อกเพียงไม่กี่
เล่มโดยจัดแบ่งให้ในส่วนของหน้าร้านค้าเพื่อใช้สำหรับเวลาที่ลูกค้าเข้ามาสืบถาม หรือแบ่งให้ฝ่ายขายหรือตัวแทนจำหน่าย
ไว้ใช้เพียงเท่านั้นก็สามารถทำได้



เครดิต : http://www.pimplernprint.com/แคตตาล็อก_วารสาร/

ผลิตภัณฑ์กำจัดไรฝุ่น


กำจัดไรฝุ่น จำต้องต้องใช้สารเคมีหรือไม่
ไรฝุ่น คือชื่อของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในระดับที่ตาดูไม่เห็น มันอนุมาก ประมาณ 1/100 ของหน่วยวัดความยาวเป็นนิ้ว
แต่ถึงตัวมันจะจิ๋วก็ส่งผลต่อคนเราในระดับที่ไม่อาจละเลย เพราะเจ้าสัตว์ขนาดเล็กมากชนิดนี้แหละเป็นตัวทำให้เราเกิดอาการภูมิแพ้
ที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของเราได้ เพราะว่าไรฝุ่นจะผลิตสารก่อภูมิแพ้ ที่เป็นสาเหตุของโรคทางเดินหายใจอักเสบ เป็นหวัดเรื้อรัง
มีอาการคันแลระคายเคืองในดวงตา ตาแดง มีอาการโรคหอบหืด ไมเกรน และอาการผื่นคันตามผิวหนัง และไรฝุ่นสามารถ
แพร่ขยายพันธุ์ได้อย่างโดยทันทีภายในบ้านที่อยู่อาศัย เพราะมันนิยมอาศัยอยู่ตามผ้า หรือในสิ่งที่มีเส้นใย และที่มันชอบ
มาอยู่ในที่ที่มีคนอาศัยอยู่อยู่มากก็คือ มันกินเศษผิวหนังที่หลุดออกของคนเราเป็นอาหาร ! เพราะฉะนั้นในที่ๆ มีคน มีเส้นใย
จึงเป็นไปได้ที่จะมีไรฝุ่นเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนส่งผลเสียต่อสุขภาพ ดังนั้นมนุษย์จำเป็นที่จะต้องหาวิธี กำจัดไรฝุ่น
ให้ออกไปให้พ้นจากบ้านเรือน และการ กำจัดไรฝุ่น ที่นิยมกันก็คือสารใช้สารเคมี ซึ่งบางคนก็หวาดวิตกในเรื่องผลกระทบ
ต่อร่างกายของคนด้วย อย่างไรก็ตามการ กำจัดไรฝุ่น มีอยู่ด้วยกันหลายวิถีทาง ไม่ได้มีแค่ วิธี กำจัดไรฝุ่น ที่ต้องใช้สารเคมีแค่นั้น
วิธีการ กำจัดไรฝุ่น แบบไม่ต้องใช้สารเคมี ได้แก่...
1.การ กำจัดไรฝุ่น ด้วยแสงแดด ไรฝุ่นมีขนาดที่เล็กไม่ทนทานต่อความร้อนและรังสีจากแสงอาทิตย์ การนำเอาสิ่งที่เป็นผ้า
หรือเส้นใยไปตากแดด สามารถ กำจัดไรฝุ่น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.การ กำจัดไรฝุ่น ด้วยการซักในน้ำร้อน การนำเอาผ้าที่สัมผัสกับร่างกายของเราเป็นประจำอย่างผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน
ผ้าห่ม หรืออื่นๆ ไปซักด้วยน้ำร้อน ทุกๆ 2 อาทิตย์ ช่วยในการ กำจัดไรฝุ่น ได้เช่นกัน
3.การ กำจัดไรฝุ่น ด้วย เครื่องดูดไรฝุ่น เป็นเครื่องมือที่ถูกเจริญขึ้นมาเพื่อจัดการ กำจัดไรฝุ่น โดยเฉพาะ แต่อาจจะ
มีราคาสูงอยู่บ้างในการที่จะซื้อเอามาใช้งาน แต่ก็ถือว่าเป็นเครื่องมือที่คุ้มค่าทีเดียว
4.การใช้ เครื่องฟอกอากาศ ที่มีระบบ กำจัดไรฝุ่น ซึ่งนอกจากสามาร กำจัดไรฝุ่น แล้ว ก็ยังช่วยในเรื่องการดูดกลิ่น
ทำให้อากาศหมดจดสดชื่นได้อีกด้วย แต่ก็แน่นอนว่ามีราคาสูง
5.ใช้ผ้าป้องกันไรฝุ่น เป็นสินค้าที่ถูกก้าวหน้าขึ้นมาเพื่อป้องกันไรฝุ่นโดยเฉพาะ สมัยนี้มีปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน
ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีนี้ออกมาจัดจำหน่าย
นี่เป็นวิธีการที่คนสามารถใช้ กำจัดไรฝุ่น หรือดูแลไม่ให้มันกลายมาเป็นปัญหากับสุขภาพอนามัยของเราโดยที่ไม่ต้องใช้สารเคมี

 

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ผลิตภัณฑ์กําจัดไรฝุ่น

เครดิต : http://praiya.lnwshop.com/

ป้ายโฆษณาป้ายไวนิล

ผลิตภัณฑ์กว่านับพันนับหมื่นชิ้นท้องตลาด ผู้ผลิตกว่านับร้อยนับพันรายที่เป็นผู้ขายสินค้าและบริการ ปัญหาคือจะทำ
อย่างไรให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จัก และจะทำอย่างไรให้ลูกค้าเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ตัวนี้มากกว่าผลิตภัณฑ์ตัวอื่นแน่นอนว่าจำเป็นต้องมีการโฆษณา
ทั้งนั้นเครื่องมือชนิดหนึ่งที่เด่นมากในการเสนอแนะสินค้าในด้านการเข้าถึงและสร้างความรู้จักให้กับผู้คนผ่านการมองเห็น สามารถ
เข้าถึงกลุ่มคนได้หลากหลายและเป็นจำนวนมากนั่นคือ “ป้ายโฆษณา” ซึ่งปัจจุบันนี้สามารถเห็นสื่อชนิดนี้ได้ตามบริเวณที่มีกลุ่มคนพลุกพล่าน
เป็นจุดที่พิจารณาและมองเห็นได้ง่าย เช่น ตามอาคารสูง ทางด่วน เป็นต้นจะมีทั้งป้ายโครงเหล็ก ป้ายบิลบอร์ด ป้ายแบนเนอร์ฝังผนัง หรือ
จะเป็นป้ายราคาถูกอย่าง ป้ายอิงค์เจ็ท ป้ายไวนิล เป็นต้น ทั้งนั้นเดี๋ยวนี้งานแผ่นป้ายรับทำป้ายนั้นมีอยู่ต่างๆนาๆขึ้นอยู่กับประเภทวัสดุ
และการใช้งานเป็นสำคัญ


สาเหตุที่ป้ายโฆษณาเป็นที่นิยมกันมากนั้นอันเนื่องมาจากความสามารถในการดึงดูด การเข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมากไม่จำกัด
เป้าหมายและประกอบด้วยค่าถูก ซึ่งทั้งสามประการนี้เป็นจุดแข็งของสื่อชนิดนี้ โดยสามารถแจกแจงได้เป็นข้อๆ ดังนี้ ข้อแรก ด้านความสามารถ
ในการดึงดูดความสนใจหรือเรียกร้องความสนใจ อันเนื่องมาจากมนุษย์มักมองและสังเกตไปในจุดที่เด่นและดูแตกต่างอยู่เสมอ สมมติว่าพื้นที่
ปกตินั้นเป็นตึกสิ่งก่อสร้างโดยทั่วไปแต่เมื่อมีป้ายที่มีความแตกต่างคนก็มักจะต้องเบนไปมองอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งถ้ามีข้อความหรือ
รูปภาพที่น่าสนใจแล้วยิ่งมีประสิทธิภาพ ข้อสอง ด้านการเข้าถึงประชากรจำนวน หากเปรียบเทียบกับสื่อสิ่งพิมพ์เหมือนกัน เช่น ใบปลิว แผ่นพับ
ซึ่งมีจำนวนในที่เล็กและการเข้าถึงโดยเจาะจงส่วนที่เป็นเป้าหมาย การใช้ป้ายไวนิลจะเข้าถึงได้โดยไม่จำกัดจำนวนและผู้คนหลากหลาย
ประเภทไม่จำกัดส่วนมากกว่า และสุดท้ายข้อสาม ด้านราคา สำหรับสื่อโฆษณาแบบเน้นการเข้าถึงในวงกว้างอย่าง สื่อโทรทัศน์ วิทยุ
นั้นมีรายการจ่ายในงานผลิตที่สูงมากเมื่อเทียบป้ายราคาถูกกว่า
การแยกชนิดป้ายโฆษณาสามารถแบ่งได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ด้านพื้นที่ใช้งาน เช่น ป้ายใช้ภายใน ภายนอกอาคาร เป็นต้น
หรือ ด้านวัสดุแผ่นป้ายรับทำป้าย เช่น ป้ายไวนิล ป้ายโลหะ ป้ายหลอดไฟ ป้ายอิงค์เจ็ทแบบกระดาษ เป็นต้น แต่ที่นี้จะแบ่งตามขนาด
ของป้ายซึ่งจะเชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ซึ่งสามารถแบ่งได้ออกเป็น 4 ประเภท
1.ป้ายโฆษณาบิลบอร์ด คือ ป้ายที่มีขนาดใหญ่ที่เห็นตามถนน บนทางด่วน ซึ่งต้องสามารถการสังเกตเห็นได้สบาย แม้ในขณะนั่งรถที่วิ่งด้วยความเร็ว
ป้ายโฆษณาชนิดนี้จะไม่เน้นในการแสดงรายละเอียดสินค้าแต่จะเน้นในด้านทำกระแสความรู้จักมากกว่า
2.ป้ายคัตเอาท์ เป็นป้ายโฆษณาที่จะเน้นในอยู่ระดับสายตามีขนาดใหญ่พอประมาณเพื่อให้ง่ายในการดูในการเดินผ่านไปมา โดยมักจะมี
วัตถุประสงค์ในการดึงดูด ชักจูงในสนใจสินค้า เช่น โปรโมชั่น แนะนำร้าน เป็นต้น
3.ป้ายโปสเตอร์ เป็นป้ายโฆษณาดึงดูดที่มีขนาดใหญ่แต่ไม่มากเท่าคัตเอาท์ซึ่งเป็นตามพื้นที่ต่างๆ ที่จะเน้นพื้นที่คนมักจะยืน
รอหรือมีเวลาในการอ่านมาก เช่น ตามป้ายรถเมล์ ล่างอาคาร ห้องอาหาร เป็นต้น
ป้ายโฆษณานั้นจะได้ผลต้องมีสิ่งที่สมควรพิจารณาไว้เป็นองค์ประกอบ คือ
1.การออกแบบและรายละเอียดปลีกย่อยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เนื้อหาและรูปภาพต้องเข้าใจง่าย ชัดเจนไม่ซับซ้อน คนดูเข้าใจในสิ่งที่ตั้งใจสื่อได้ชัดเจน
2.ขนาด ที่ลงตัวกับเนื้อหากับตำแหน่งที่ต้องใช้ติด สมมติถ้าติดป้ายโฆษณาขนาดเล็กบนทางอาคารสูงก็ไม่เหมาะสม
3.ทำเลในการใช้งาน แม้ป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่หากติดผิดตำแหน่งอาจจะมีศักยภาพไม่เท่าป้ายขนาดเล็กที่เป็นป้ายโฆษณาราคาถูกหากในตำแหน่งที่ใช่ก็ได้
4.วัสดุที่เลือกใช้ คุณภาพของวัสดุมีผลอย่างมากในด้านอายุการใช้งาน เพราะป้ายโฆษณาไม่ได้ใช้ครั้งเดียวทิ้ง บางครั้งติดไว้เป็นเวลายาวนานเป็นเดือน
หากใช้วัสดุไม่ชำนาญแล้วก็จะทำให้งานโฆษณาเสียหายได้ อย่างเช่น งานที่ใช้ภายนอกต้องคงทนกับสภาพแวดล้อม แสงแดด ฝน ควรจะเป็น
วัสดุที่ต้องทนทานเป็นหลัก หากเป็นภายในอาคารป้ายสติ๊กเกอร์ ป้ายอิงค์เจ็ทก็นับว่าเพียงพอ
ปัจจุบันนี้การทำแผ่นป้ายรับทำป้ายโฆษณานั้นไม่ได้มีราคาแพงมากเท่าในอดีตเพราะมีเทคโนโลยีการผลิตที่พัฒนามากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการรายเล็ก
สามารถใช้ประโยชน์ได้มากมาย และทั้งนั้นป้ายโฆษณาราคาถูกไม่ได้ความว่าป้ายไม่มีคุณภาพ ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในหลายๆด้านเป็นสำคัญ

 



ที่มา : http://www.prou-d.com/15513680/ป้ายไวนิล

พิมพ์ใบปลิว

พิมพ์ใบปลิวโฆษณาที่พบ

การพิมพ์ใบปลิวนับเป็นสื่อโฆษณาที่เจอะเจอได้บ่อยมากในแต่ละวัน เชื่อว่าในทุกวันๆที่ท่านเดินทางไปทำงานหรือ
เดินเล่นตามสถานต่างๆ ในวันหยุด คุณจะได้พบเจอการแจกใบปลิวเสมอไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้า
หรือแม้แต่หน้าออฟฟิศทำงาน เมื่อคุณได้รับแจกจ่ายสิ่งพิมพ์ใบปลิวเหล่านั้นมีบางครั้งคุณอาจจะสนใจในสินค้าหรือการ
พีอาร์ในใบปลิวตรงนั้นหรือบางหนอาจจะทิ้งมันไปโดยไม่ใยดีเลยก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตามอย่างน้อยเมื่อคุณได้รับ
ใบปลิวเข้ามาในมือแล้วคุณก็จะต้องก้มพิจารณาหรืออ่านใบปลิวผ่านตาบ้าง ซึ่งนั่นเป็นข้อดีของใบปลิวที่ทำให้การพิมพ์
ใบปลิวยังคงเป็นที่นิยมกันแง่การตลาดอยู่ทุกวันนี้
การพิมพ์ใบปลิวแต่เดิมตรงนั้นมีรากศัพท์มาจากคำว่า “Fliers”หรือก็คือแผ่นกระดาษที่ใช้โปรยจ่ายแจกนั่นเอง ซึ่งมักจะ
มีสาระมากกว่ารูปภาพ โดยจะเนื้อความหาในเชิงที่ปกปิดไม่ระบุชื่อผู้เขียนใช้ในการเชิญชวน จูงใจ มักจะเป็นในแง่การเมือง
เป็นต้น ซึ่งอาจจะเคยได้เจอตามภาพยนตร์ย้อนสมัย แต่ต่อมาในสมัยนี้สิ่งพิมพ์ใบปลิวได้ปรับเปลี่ยนไปในแง่ความหมายเป็น
คำว่า “Leaflet Handbill”ที่เป็นงานพิมพ์ขนาดเล็กคล้ายกับใบไม้โดยมีขนาดพอดีมือ จากเนื้อหาที่ปกปิดก็ถูกเปลี่ยนไป
ใช้ในการสื่อโฆษณาจูงใจโดยเปิดเผย การโปรยก็เปลี่ยนเป็นการแจกจ่ายหรือส่งจดหมายเพื่อให้เหมาะตามยุคสมัย เพราะคงไม่ดี
แน่หากจะโปรยทิ้งให้เป็นขยะตามทางสัญจร
แม้งานเปลี่ยนแปลงด้านการใช้งานจะถูกปรับตามยุคสมัย แต่ประเภททางกายภาพของสิ่งพิมพ์ใบปลิวยังคง
เหมือนเดิม สิ่งพิมพ์ใบปลิวนั้นต้องมีเป็นกระดาษหรือเอกสารใบเดียวโดยไม่มีงานพับหรือรวมเล่มใดๆ นอกจากนั้นจะ
ปรับแต่งอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา ขนาด หรือชนิดของกระดาษก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ทำเอง ซึ่งปัจจุบันแล้ว
งานพิมพ์ใบปลิวมักจะไม่ค่อยเน้นเนื้อหาแต่จะเน้นเฉพาะเรื่องราวที่สำคัญหรือรูปภาพเป็นส่วนใหญ่เพื่อให้เกิดความ
น่าสนใจและไม่ทำให้ดูน่าเบื่อเกินไป เช่น หากเป็นการสื่อโฆษณาร้านอาหารใหม่ ก็อาจจะเน้นให้มีรูปบรรยากาศร้านอาหาร
รูปเมนูอาหาร รูปแผนที่การเที่ยว โดยเนื้อหาก็นิยมระบุเพียงคำบรรยายถึงบรรยากาศและรสชาติอาหารเพียงไม่กี่
ประโยค รวมถึงวิธีการเที่ยวอย่างย่อและเบอร์โทรศัพท์ติดต่อสื่อสาร เป็นต้น
การพิมพ์ใบปลิวนั้นนับได้ว่าเป็นการจัดทำโฆษณาประเภทสิ่งพิมพ์ที่ถูกที่สุด หากไม่กำหนดประเภทหรือ
ขนาดกระดาษที่แพงจนเกินไป ซึ่งโดยมากมักจะใช้ขนาด A4 เป็นมาตรฐานเพราะความราบรื่นในด้านการพิมพ์และขนาด
ไม่ใหญ่โตหรือเล็กจนเกินไป รวมถึงกระดาษก็จะใช้กระดาษธรรมดา เช่น กระดาษอาร์ตมัน กระดาษปอนด์ โดยมีความหนา
ประมาณ 80 แกรม เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะการพิมพ์ใบปลิวนั้นจะเน้นที่ปริมาณมากกว่า ดังนั้นส่วนมากจะไม่ค่อย
เน้นในการแต่งเติมพิเศษประเภทการเคลือบผิวเพราะไม่ได้เน้นด้านความคงทนเท่าใดนัก ด้านความเรียบร้อยส่วนใหญ่
จะเรื่องของการของออกแบบไฟล์งานพิมพ์เสียเป็นหลัก แต่อย่างไรก็ดีความสวยหรูเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างแรงดึงดูดในการ
อ่านเป็นอย่างมากจึงไม่ควรละเลย
สำหรับวิธีการใช้งานสิ่งพิมพ์ใบปลิวนั้นมีความสำคัญไม่แพ้กัน พวกคุณเคยมองดูหรือไม่ว่าแม้ทางด้าน
จิตวิทยาแล้วหากมีการรับใบปลิวเข้ามาภายในมือแล้วอย่างน้อยต้องสังเกตผ่านตาบ้าง ซึ่งคุณจะสนใจหรือไม่เป็นอีกเรื่อง แต่มี
หลายครั้งที่พบว่าบางคนได้รับใบปลิวเข้ามาแล้วทิ้งขว้างทันใดในเวลานั้นเลยหรือปฏิเสธที่จะรับทันที สิ่งที่สำคัญในการจ่ายแจก
ใบปลิวแล้วนอกจากจะเลือกที่มีผู้คนพลุกพล่านแล้วต้องคำนึงถึงความถูกที่ของสถานที่และช่วงเวลาด้วย โดย
ส่วนมากผู้แจกจ่ายมักจะละเลยในจุดๆ นี้ เช่น แจกใบปลิวตอนช่วงเวลาเร่งด่วนซึ่งโดยมากผู้คนกำลังรีบ เป็นต้น งานพิมพ์
ใบปลิวแจกจ่ายนั้นพึงสังเกตองค์ประกอบต่างๆ ร่วมด้วยเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : พิมพ์ใบปลิว ถูก

ที่มา : http://www.pimplernprint.com/เเผ่นพับ_ใบปลิว_Digital_Offset/

พิมพ์แคตตาล็อก

พิมพ์แคตตาล็อก (Catalogues)ราคาถูก
งานขายเป็นส่วนสำคัญมากที่สุดส่วนหนึ่งในการทำกิจธุระเกือบทุกประเภท ไม่ว่าเป็นสินค้าและการบริการ แต่สิ่ง
หนึ่งที่จำเป็นต้องมีและขาดไม่ได้คือการบรรยายให้ลูกค้าทราบได้ว่าองค์กรของเรานั้นขายอะไร มีข้อดีอย่างไร แต่การ
อธิบายผู้บริโภคด้วยปากเปล่านั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เสนอได้ทั้งหมด ทำให้การพิมพ์แคตตาล็อกเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ใช้
เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์และการบริการของเราให้ลูกค้าได้รับทราบ ทั้งครอบคลุมรายละเอียดปลีกย่อย เข้าใจง่าย และมองเห็นภาพตามได้
ดีขึ้น แม้ช่วงปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีสารสนเทศมากมายเพื่อใช้ในการเสนอมากยิ่งขึ้นทำให้ความนิยมของการใช้งานจะลด
น้อยลงไปบ้าง แต่อย่างไรก็ดีการพิมพ์แคตตาล็อกก็ยังคงตอบโจทย์ในด้านความง่ายโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต
ทั้งยังพกพาสะดวก ไม่เพียงเท่านั้นยังง่ายต่อการใช้ซ้ำ สามารถนำกลับมาดูใหม่ได้ ทั้งยังสามารถจดบันทึกลงรายละเอียด
เพิ่มเติมได้อีกด้วย
งานพิมพ์แคตตาล็อก (Catalogue) คือสิ่งพิมพ์ที่มีรูปพรรณเป็นสิ่งพิมพ์ที่ถูกเย็บรวมเข้าเป็นเล่ม เหมือนกับ
หนังสือ วารสารหรือนิตยสาร ทั้งนั้นยังต้องมีองค์ประกอบจำพวก บทนำ สารบัญ และเนื้อหารายละเอียดเหมือนกับ
หนังสือ ทำให้ส่วนใหญ่เกิดข้อสงสัยว่าแคตตาล็อกแตกต่างจากสิ่งพิมพ์รวมเล่มพวกอื่นอย่างไร สิ่งที่แตกต่างก็คือ
จุดมุ่งหมายการใช้งานเป็นหลัก โดยที่แคตตาล็อกนั้นจะมุ่งเน้นใจความในด้านการโฆษณาและจัดแสดงแนะนำสินค้าเป็น
สำคัญ โดยจะมีรูปภาพและคำอธิบายเกี่ยวกับสินค้าและการบริการแต่ละลักษณะขององค์กรเพื่อให้ผู้อ่านสามารถทำ
ความเข้าใจได้ดีขึ้น โดยต้องมีการจัดทำหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์เป็นกลุ่มอย่างชัดเจนเพื่อให้ง่ายต่อการสำรวจและมีการระบุหน้าลง
ในสารบัญด้วย
เนื่องด้วยงานเสนอผลิตภัณฑ์เป็นงานที่ค่อนข้างจะสำคัญมาก ทำให้การออกแบบและสร้างสรรค์จะต้องคำนึงถึง
คุณภาพและความพิถีพิถันเป็นสำคัญ โดยจะแบ่งองค์ประกอบส่วนเพิ่มเติมโครงสร้างการพิมพ์แคตตาล็อกเป็น 2 ส่วน คือ
1.ส่วนปกเล่ม ส่วนนี้เป็นกลุ่มที่แสดงและสร้างแรงจูงใจในการอ่านให้กับผู้พบเห็นจึงควรจะมีการออกแบบ
อาร์ตเวิร์คที่ดี การคัดเลือกใช้วัสดุหรือกระดาษที่มีคุณภาพและมีความหนาที่มากกว่าในส่วนของใจความ โดยอาจจะ
ใช้กระดาษจำพวกอาร์ตการ์ด 190 แกรมขึ้นไป หรือกระดาษอาร์ตมันหรือกระดาษหนา 90 แกรมขึ้นไปก็เป็นได้และ
มีการแต่งเติมใช้สีและตกแต่งรูปภาพที่ดูน่าสนใจ รวมทั้งใช้เทคนิคในการพิมพ์ เช่น การปั๊มนูน การทำ Spot UV
ในจุดที่ต้องเน้นหนักเป็นพิเศษ หรือแม้กระทั่งการเคลือบฟิล์มลามิเนตเพื่อดูแลรักษาความเสียหายจากภายนอก เป็นต้น
2.ส่วนเนื้อหา ซึ่งในส่วนะนี้เป็นด้านนี้จะรวมถึงบทนำ สารบัญไว้ด้วยโดยจะใช้กระดาษที่เป็นกระดาษปอนด์ 80 แกรมขึ้นไปเพื่อไม่
ให้หมึกหรือสีเลอะเทอะเปรอะเปื้อนเพราะส่วนมากเนื้อหามักมีรูปภาพอธิบายจึงใช้สีค่อนข้างมาก แต่หากต้องการให้มีการพิมพ์สองหน้า
อาจจะต้องใช้กระดาษที่มีความหนาเพิ่มขึ้นเพื่อให้ไม่สามารถเห็นทะลุเห็นได้ทั้งสองด้าน เป็นต้น นอกจากนี้การใช้สีควรจะ
ทำให้งานที่พิมพ์ออกมานั้นเหมือนสินค้าจริงให้มากที่สุดเพราะอาจจะทำให้เกิดอุปสรรคกับลูกค้าภายหลังได้ซึ่งต้องใช้
ความถนัดพอสมควร
ในด้านการเลือกใช้สัดส่วนของการพิมพ์แคตตาล็อกตรงนั้นต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 3 ประการ ประการแรกความสมดุล
ระหว่างสัดส่วนเล่มกับความหนาของเนื้อหา ยกตัวอย่างเช่น หากกำหนดขนาดเล่มให้มีขนาดเล็ก แต่มีเนื้อหาที่ต้องชี้แจงมาก
ทำให้รูปเล่มมีความหนามากเกินไป ซึ่งจะส่งผลให้ผู้รับสารรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่อยากอ่าน เป็นต้น ประการที่สองความสมดุลระหว่าง
ขนาดเล่มกับสัดส่วนภาพ โดยการวางรูปภาพในเนื้อหาต่อ 1 หน้ามากที่สุดไม่ควรเกิน 8 ภาพเพราะส่งผลให้เกิดการลายตาได้
และต้องมีการจัดรูปภาพให้มีขนาดที่ทำให้ลูกค้าสามารถเห็นได้ชัดเจนโดยไม่เล็กจนเกินไป ประการท้ายที่สุดคือความสมดุล
ระหว่างขนาดเล่มกับสัดส่วนตัวหนังสือ โดยมากการจัดทำแคตตาล็อกมักจะไม่เน้นการลงรายละเอียดที่เป็นตัวหนังสือมากนัก
จึงไม่ค่อยมีข้อสงสัย แต่สำหรับสินค้าบางกลุ่มหรือผลิตภัณฑ์ที่เน้นด้านการบริการที่ต้องมีการเสนอเนื้อหาเป็นจำนวนมาก
การกำหนดขนาดตัวอักษรจะต้องทำให้สามารถมองเห็นและอ่านได้สบาย อาจจะต้องมีเคล็ดลับการตระเตรียมรูปแบบการอ่านที่ดูน่าสนใจ
ซึ่งอาจจะทำให้ใช้พื้นที่ในหน้าค่อนข้างมาก โดยทั้งหมดนี้มีองค์ประกอบที่ต้องตรวจสอบร่วมในการออกแบบและกำหนดสัดส่วน
ซึ่งสัดส่วนของรูปเล่มที่นิยมใช้กับก็ตั้งแต่ขนาดใหญ่ 15 x 10.25 นิ้ว หรือเล็กที่สุดคร่าวๆกระดาษ A6 โดยขนาดที่ใช้
บ่อยที่สุดคือ A4 เพราะมีขนาดที่พอดี พกพาสะดวก รวมถึงไม่ยากในออกแบบและจัดหน้ากระดาษ
ส่วนนี้จะกล่าวถึงลู่ทางการแจกจ่ายหรือการใช้งานพิมพ์แคตตาล็อกเพื่อเกิดผลประโยชน์สูงสุด สำหรับพิมพ์แคตตาล็อก
นี้ถือว่าเป็นสิ่งพิมพ์ที่มีต้นทุนค่อนข้างโด่ง ซึ่งหากให้จัดเตรียมพิมพ์เป็นปริมาณก็อาจจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากจนเกินไป เพื่อให้ได้
ประสิทธิภาพและการความคุ้มค่าที่สุดควรจะมีการกำหนดจำเพาะเฉพาะเจาะจงเป้าหมายที่ต้องการให้ได้รับสาร เช่น การส่งตรงถึง
ลูกค้าที่เป็นเจ้าประจำหรือบริโภคสินค้าอย่างติดต่อ หรือ กลุ่มสมาชิกหรือผู้ที่ลงทะเบียนมีความต้องการข่าว เป็นต้น
โดยอาจจะส่งผ่านทางไปรษณีย์หรือการนำไปให้กับมือผู้รับสารเองก็ได้ โดยกลุ่มบุคคลเหล่านี้ทางผู้เตรียมทำเองต้องคาดหวังที่จะ
ได้รับการตอบกลับมากกว่าสื่อสิ่งพิมพ์โฆษณาแบบอื่นๆ แต่สำหรับกิจการบางชนิดอาจจะใช้การตระเตรียมพิมพ์แคตตาล็อกเพียงไม่กี่
เล่มโดยจัดแจงแบ่งให้ในส่วนของหน้าร้านค้าเพื่อใช้สำหรับเวลาที่ลูกค้าเข้ามาไต่ถาม หรือแบ่งให้ฝ่ายขายหรือตัวแทนจัดจำหน่าย
ไว้ใช้เพียงเท่านั้นก็สามารถทำได้



ขอบคุณบทความจาก : http://www.pimplernprint.com/แคตตาล็อก_วารสาร/

ผลิตภัณฑ์กำจัดไรฝุ่น


กำจัดไรฝุ่น จำเป็นต้องต้องใช้สารเคมีหรือไม่
ไรฝุ่น เป็นชื่อของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในระดับที่ตาเพ่งดูไม่เห็น มันจิ๋วมาก ประมาณ 1/100 ของหน่วยวัดความยาวเป็นนิ้ว
แต่ถึงตัวมันจะเล็กกระจิดริดก็ส่งผลต่อคนเราในระดับที่ไม่อาจละเลย เพราะเจ้าสัตว์ขนาดอนุชนิดนี้แหละเป็นตัวทำให้เราเกิดอาการภูมิแพ้
ที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของเราได้ เพราะว่าไรฝุ่นจะผลิตสารก่อภูมิแพ้ ที่เป็นเหตุของโรคทางเดินหายใจอักเสบ เป็นหวัดเรื้อรัง
มีอาการคันแลระคายเคืองในดวงตา ตาแดง มีอาการโรคหอบหืด ไมเกรน และอาการผื่นคันตามผิวหนัง และไรฝุ่นสามารถ
แพร่ขยายขยายพันธุ์ได้อย่างฉับไวภายในบ้านที่อยู่อาศัย เพราะมันชอบอาศัยอยู่ตามผ้า หรือในสิ่งที่มีเส้นใย และที่มันชอบ
มาอยู่ในที่อยู่ที่มีคนอาศัยอยู่อยู่มากก็คือ มันกินเศษผิวหนังที่หลุดออกของมนุษย์เราเป็นอาหาร ! อย่างนั้นในที่ๆ มีคน มีเส้นใย
จึงเป็นไปได้ที่จะมีไรฝุ่นเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนส่งผลร้ายต่อสุขภาพ ดังนั้นคนจำเป็นที่จะต้องหาวิธี กำจัดไรฝุ่น
ให้ออกไปให้พ้นจากที่พักอาศัย และการ กำจัดไรฝุ่น ที่นิยมกันก็คือสารใช้สารเคมี ซึ่งบางคนก็กังวลใจในเรื่องผลกระทบ
ต่อร่างกายของเราด้วย อย่างไรก็ตามการ กำจัดไรฝุ่น มีอยู่ด้วยกันหลายทาง ไม่ได้มีแค่ วิธี กำจัดไรฝุ่น ที่ต้องใช้สารเคมีอย่างเดียว
วิธีการ กำจัดไรฝุ่น แบบไม่จำเป็นจะต้องใช้สารเคมี ได้แก่...
1.การ กำจัดไรฝุ่น ด้วยแสงแดด ไรฝุ่นมีขนาดที่เล็กไม่ทนต่อความร้อนและรังสีจากแสงอาทิตย์ การนำเอาสิ่งที่เป็นผ้า
หรือเส้นใยไปตากแดด สามารถ กำจัดไรฝุ่น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.การ กำจัดไรฝุ่น ด้วยการซักในน้ำร้อน การนำเอาผ้าที่สัมผัสกับร่างกายของเราเป็นประจำพวกผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน
ผ้าห่ม หรืออื่นๆ ไปซักด้วยน้ำร้อน ทุกๆ 2 อาทิตย์ ช่วยในการ กำจัดไรฝุ่น ได้เช่นกัน
3.การ กำจัดไรฝุ่น ด้วย เครื่องดูดไรฝุ่น เป็นเครื่องมือที่ถูกปรับปรุงขึ้นมาเพื่อจัดการ กำจัดไรฝุ่น โดยเฉพาะ แต่อาจจะ
มีราคาสูงอยู่บ้างในการที่จะซื้อเอามาใช้งาน แต่ก็ถือว่าเป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่คุ้มค่าทีเดียว
4.การใช้ เครื่องฟอกอากาศ ที่มีระบบ กำจัดไรฝุ่น ซึ่งนอกจากสามาร กำจัดไรฝุ่น แล้ว ก็ยังสนับสนุนในเรื่องการดูดกลิ่น
ทำให้อากาศใสสะอาดสดชื่นได้อีกด้วย แต่ก็แน่นอนว่ามีสนนราคาสูง
5.ใช้ผ้าป้องกันไรฝุ่น เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกก้าวหน้าขึ้นมาเพื่อป้องกันไรฝุ่นโดยเฉพาะ สมัยปัจจุบันมีปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน
ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีนี้ออกมาซื้อขาย
นี่เป็นวิธีการที่เราสามารถใช้ กำจัดไรฝุ่น หรือคุ้มกันไม่ให้มันกลายมาเป็นปัญหากับอนามัยของเราโดยที่ไม่ต้องใช้สารเคมี

 

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ผลิตภัณฑ์กําจัดไรฝุ่น

เครดิต : http://praiya.lnwshop.com/

ป้ายโฆษณาป้ายบิลบอร์ด

สินค้ากว่านับพันนับหมื่นชิ้นตลาด ผู้ผลิตกว่านับร้อยนับพันรายที่เป็นผู้จำหน่ายสินค้าและบริการ ปัญหาคือจะทำ
อย่างไรให้สินค้าเป็นที่รู้จัก และจะทำอย่างไรให้ลูกค้าเลือกบริโภคสินค้าตัวนี้มากกว่าสินค้าตัวอื่นแน่นอนว่าจำเป็นต้องมีการโฆษณา
ทั้งนั้นเครื่องมือชนิดหนึ่งที่โดดเด่นมากในการชักนำผลิตภัณฑ์ในด้านการเข้าถึงและสร้างความรู้จักให้กับผู้คนผ่านการมองเห็น สามารถ
เข้าถึงประชาชนได้หลากหลายและเป็นจำนวนมากนั่นคือ “ป้ายโฆษณา” ซึ่งทุกวันนี้สามารถเห็นสื่อชนิดนี้ได้ตามบริเวณที่มีประชากรล้มหลาม
เป็นจุดที่มองดูและมองเห็นได้ง่าย เช่น ตามอาคารสูง ทางด่วน เป็นต้นจะมีทั้งป้ายโครงเหล็ก ป้ายบิลบอร์ด ป้ายแบนเนอร์ฝังผนัง หรือ
จะเป็นป้ายราคาถูกอย่าง ป้ายอิงค์เจ็ท ป้ายไวนิล เป็นต้น ทั้งนั้นเดี๋ยวนี้งานแผ่นป้ายรับทำป้ายนั้นมีหลายหลากขึ้นอยู่กับประเภทวัสดุ
และการใช้งานเป็นสำคัญ


สาเหตุที่ป้ายโฆษณาเป็นที่นิยมกันมากนั้นอันเนื่องมาจากความสามารถในการดึงดูด การเข้าถึงผู้ซื้อจำนวนมากไม่จำกัด
เป้าหมายและประกอบด้วยมูลค่าย่อมเยา ซึ่งทั้งสามประการนี้เป็นจุดแข็งของสื่อชนิดนี้ โดยสามารถแจกแจงได้เป็นข้อๆ ดังนี้ ข้อแรก ด้านความสามารถ
ในการดึงดูดหรือเรียกร้องความสนใจ อันเนื่องมาจากมนุษย์มักมองและสังเกตไปในจุดที่เด่นและดูแตกต่างอยู่เสมอ สมมติว่าพื้นที่
ปกตินั้นเป็นตึกสิ่งก่อสร้างโดยทั่วไปแต่เมื่อมีป้ายที่มีความแตกต่างคนก็มักจะต้องเบนไปมองอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งถ้ามีข้อความหรือ
รูปภาพที่น่าสนใจแล้วยิ่งมีศักยภาพ ข้อสอง ด้านการเข้าถึงประชากรจำนวน หากเปรียบเทียบกับสื่อสิ่งพิมพ์เหมือนกัน เช่น ใบปลิว แผ่นพับ
ซึ่งมีจำนวนพื้นที่กำหนดและการเข้าถึงเฉพาะวงการที่เป็นเป้าหมาย การใช้ป้ายไวนิลจะเข้าถึงได้โดยไม่จำกัดจำนวนและผู้คนหลากหลาย
ประเภทไม่จำกัดส่วนมากกว่า และสุดท้ายข้อสาม ด้านราคา สำหรับสื่อโฆษณาแบบเน้นการเข้าถึงในวงกว้างอย่าง สื่อโทรทัศน์ วิทยุ
นั้นมีค่าใช้จ่ายในงานผลิตที่สูงมากเมื่อเทียบป้ายราคาถูกกว่า
การแบ่งประเภทป้ายโฆษณาสามารถแบ่งได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ด้านพื้นที่ใช้งาน เช่น ป้ายใช้ภายใน ภายนอกอาคาร เป็นต้น
หรือ ด้านวัสดุแผ่นป้ายรับทำป้าย เช่น ป้ายไวนิล ป้ายโลหะ ป้ายหลอดไฟ ป้ายอิงค์เจ็ทแบบกระดาษ เป็นต้น แต่ที่นี้จะแบ่งตามขนาด
ของป้ายซึ่งจะเชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ซึ่งสามารถแบ่งได้ออกเป็น 4 ประเภท
1.ป้ายโฆษณาบิลบอร์ด คือ ป้ายที่มีขนาดใหญ่ที่เห็นตามถนน บนทางด่วน ซึ่งต้องสามารถการมองเห็นได้สะดวก แม้ในขณะนั่งรถที่วิ่งด้วยความเร็ว
ป้ายโฆษณาชนิดนี้จะไม่เน้นในการแสดงรายละเอียดปลีกย่อยผลิตภัณฑ์แต่จะเน้นในด้านทำกระแสความรู้จักมากกว่า
2.ป้ายคัตเอาท์ เป็นป้ายโฆษณาที่จะเน้นในอยู่ระดับสายตามีขนาดใหญ่พอประมาณเพื่อให้ง่ายในการดูในการเดินผ่านไปมา โดยมักจะมี
วัตถุประสงค์ในการดึงดูดความสนใจ ชักจูงในสนใจผลิตภัณฑ์ เช่น โปรโมชั่น แนะนำร้าน เป็นต้น
3.ป้ายโปสเตอร์ เป็นป้ายโฆษณาดึงดูดความสนใจที่มีขนาดใหญ่แต่ไม่มากเท่าคัตเอาท์ซึ่งเป็นตามพื้นที่ต่างๆ ที่จะเน้นในที่คนมักจะยืน
รอหรือมีเวลาในการอ่านมาก เช่น ตามป้ายรถเมล์ ล่างอาคาร ห้องอาหาร เป็นต้น
ป้ายโฆษณานั้นจะได้ผลต้องมีสิ่งที่สมควรพินิจพิจารณาไว้เป็นองค์ประกอบ คือ
1.การออกแบบและรายละเอียดสินค้าที่เหมาะสม เนื้อหาและรูปภาพต้องเข้าใจง่าย ชัดเจนไม่ลึกลับซับซ้อน คนดูเข้าใจในสิ่งที่ต้องการสื่อได้ชัดเจน
2.ขนาด ที่ควรกับเนื้อหากับตำแหน่งที่ต้องใช้ติด สมมติถ้าติดป้ายโฆษณาขนาดเล็กบนทางตึกสูงก็ไม่เหมาะสม
3.ทำเลที่ตั้งในการใช้งาน แม้ป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่หากติดผิดตำแหน่งอาจจะมีศักยภาพไม่เท่าป้ายขนาดเล็กที่เป็นป้ายโฆษณาราคาถูกหากในตำแหน่งที่ใช่ก็ได้
4.วัสดุที่เลือกใช้ คุณลักษณะของวัสดุมีผลอย่างมากในด้านอายุการใช้งาน เพราะป้ายโฆษณาไม่ได้ใช้ครั้งเดียวทิ้ง บางครั้งติดไว้เป็นเวลายาวนานเป็นเดือน
หากใช้วัสดุไม่ถูกต้องแล้วก็จะทำให้งานโฆษณาเสียหายได้ อย่างเช่น งานที่ใช้ภายนอกต้องทนกับสภาพแวดล้อม แสงแดด ฝน ควรจะเป็น
วัสดุที่ต้องทนทานเป็นหลัก หากเป็นภายในอาคารป้ายสติ๊กเกอร์ ป้ายอิงค์เจ็ทก็นับว่าเพียงพอ
ยุคปัจจุบันการทำแผ่นป้ายรับทำป้ายโฆษณานั้นไม่ได้มีสนนราคาแพงเท่าในอดีตเพราะมีเทคโนโลยีการผลิตที่พัฒนามากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการรายเล็ก
สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ และทั้งนั้นป้ายโฆษณาราคาถูกไม่ได้ความว่าป้ายไม่มีคุณภาพ ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในหลายๆด้านเป็นสำคัญ

 



ขอบคุณบทความจาก : http://www.prou-d.com/15513680/ป้ายไวนิล

พิมพ์ใบปลิว

พิมพ์ใบปลิวโฆษณาที่พบ

การพิมพ์ใบปลิวนับเป็นโฆษณาที่เจอได้บ่อยมากในแต่ละวัน เชื่อว่าในทุกวันๆที่ท่านเดินทางไปทำงานหรือ
เดินเล่นตามสถานที่ต่างๆ ในวันหยุด คุณจะได้พบเจอการแจกจ่ายใบปลิวเสมอไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้า
หรือแม้แต่หน้าออฟฟิศทำงาน เมื่อคุณได้รับจ่ายแจกสิ่งพิมพ์ใบปลิวเหล่านั้นมีบางครั้งคุณอาจจะสนใจในผลิตภัณฑ์หรือการ
ประชาสัมพันธ์ในใบปลิวตรงนั้นหรือบางหนอาจจะทิ้งมันไปโดยไม่ใยดีเลยก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตามอย่างน้อยเมื่อคุณได้รับ
ใบปลิวเข้ามาในมือแล้วคุณก็จะต้องก้มมองดูหรืออ่านใบปลิวผ่านตาบ้าง ซึ่งนั่นเป็นข้อเด่นของใบปลิวที่ทำให้การพิมพ์
ใบปลิวยังคงเป็นที่นิยมกันแง่การตลาดอยู่ทุกวันนี้
งานพิมพ์ใบปลิวแต่เดิมตรงนั้นมีรากศัพท์มาจากคำว่า “Fliers”หรือก็คือแผ่นกระดาษที่ใช้โปรยแจกนั่นเอง ซึ่งมักจะ
มีสาระสำคัญใจความมากกว่ารูปภาพ โดยจะเนื้อหาหาในเชิงที่ปกปิดไม่ระบุชื่อผู้เขียนใช้ในการเชิญชวน จูงใจ มักจะเป็นในแง่การเมือง
เป็นต้น ซึ่งอาจจะเคยได้เห็นตามภาพยนตร์ย้อนสมัย แต่ต่อมาในสมัยนี้สิ่งพิมพ์ใบปลิวได้กลับกันไปในแง่ความหมายเป็น
คำว่า “Leaflet Handbill”ที่เป็นสิ่งพิมพ์ขนาดเล็กคล้ายกับใบไม้โดยมีขนาดพอดีมือ จากเนื้อหาที่ปกปิดก็ถูกเปลี่ยนไป
ใช้ในการสื่อโฆษณาจูงใจโดยเปิดเผย การโปรยก็เปลี่ยนเป็นงานแจกหรือส่งจดหมายเพื่อให้เหมาะตามยุคสมัย เพราะคงไม่ดี
แน่หากจะโปรยทิ้งให้เป็นขยะตามท้องถนน
แม้การเปลี่ยนแปลงพวกการใช้งานจะถูกปรับตามเวลา แต่ประเภททางกายภาพของสิ่งพิมพ์ใบปลิวยังคง
เหมือนเดิม สิ่งพิมพ์ใบปลิวนั้นต้องมีเป็นกระดาษหรือสิ่งพิมพ์ใบเดียวโดยไม่มีการพับหรือรวมเล่มใดๆ นอกจากนั้นจะ
ปรับแต่งอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา ขนาด หรือกลุ่มของกระดาษก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้จัดทำเอง ซึ่งปัจจุบันแล้ว
งานพิมพ์ใบปลิวมักจะไม่ค่อยเน้นเนื้อหาแต่จะเน้นเฉพาะเรื่องที่สำคัญหรือรูปภาพเป็นส่วนใหญ่เพื่อให้เกิดความ
น่าสนใจและไม่ทำให้ดูน่าเบื่อเกินไป เช่น หากเป็นงานโฆษณาร้านอาหารใหม่ ก็อาจจะเน้นให้มีรูปบรรยากาศร้านอาหาร
รูปเมนูอาหาร รูปแผนที่การเดินทาง โดยเนื้อหาก็นิยมระบุเพียงคำบรรยายถึงบรรยากาศและรสชาติอาหารเพียงไม่กี่
ประโยค รวมถึงวิธีการไปอย่างย่อและเบอร์โทรศัพท์ติดต่อสื่อสาร เป็นต้น
งานพิมพ์ใบปลิวนั้นนับได้ว่าเป็นการจัดทำโฆษณาประเภทสิ่งพิมพ์ที่ถูกที่สุด หากไม่กำหนดประเภทหรือ
ขนาดกระดาษที่แพงจนเกินไป ซึ่งโดยมากมักจะใช้ขนาด A4 เป็นมาตรฐานเพราะความสบายในด้านการพิมพ์และขนาด
ไม่เทอะทะหรือเล็กจนมากเกินไป รวมถึงกระดาษก็จะใช้กระดาษธรรมดา เช่น กระดาษอาร์ตมัน กระดาษปอนด์ โดยมีความหนา
ประมาณ 80 แกรม เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะงานพิมพ์ใบปลิวตรงนั้นจะเน้นที่ปริมาณมากกว่า ดังนั้นโดยมากจะไม่ค่อย
เน้นในการแต่งเติมพิเศษประเภทการเคลือบผิวเพราะไม่ได้เน้นด้านความทนเท่าใดนัก ด้านความสวยส่วนใหญ่
จะเรื่องของการของออกแบบไฟล์งานพิมพ์เสียเป็นหลัก แต่อย่างไรก็ดีความงามเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างแรงดึงดูดในการ
อ่านเป็นอย่างมากจึงไม่ควรจะละเลย
สำหรับวิธีการใช้งานสิ่งพิมพ์ใบปลิวนั้นมีความสำคัญไม่แพ้กัน พวกคุณเคยสังเกตหรือไม่ว่าแม้ทางด้าน
จิตวิทยาแล้วหากมีการรับใบปลิวเข้ามาในมือแล้วอย่างน้อยต้องดูผ่านตาบ้าง ซึ่งคุณจะสนใจหรือไม่เป็นอีกเรื่อง แต่มี
หลายครั้งที่พบว่าบางคนได้รับใบปลิวเข้ามาแล้วทิ้งทันใดในเวลานั้นเลยหรือปฏิเสธที่จะรับทันที สิ่งที่สำคัญในงานแจกจ่าย
ใบปลิวแล้วนอกจากจะเลือกที่มีผู้คนพลุกพล่านแล้วต้องคำนึงถึงความถูกที่ของสถานที่และช่วงเวลาด้วย โดย
ส่วนมากผู้จ่ายแจกมักจะละเลยในจุดๆ นี้ เช่น แจกใบปลิวตอนช่วงเวลาเร่งด่วนซึ่งโดยมากผู้คนกำลังรีบ เป็นต้น งานพิมพ์
ใบปลิวแจกนั้นพึงตรวจสอบองค์ประกอบต่างๆ ร่วมด้วยเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด



ขอบคุณบทความจาก : http://www.pimplernprint.com/เเผ่นพับ_ใบปลิว_Digital_Offset/

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

พิมพ์แคตตาล็อก

พิมพ์แคตตาล็อก (Catalogues)เพิ่มยอดขาย
งานจัดจำหน่ายเป็นส่วนสำคัญมากที่สุดส่วนหนึ่งในการทำการทำงานเกือบทุกประเภท ไม่ว่าเป็นสินค้าและการบริการ แต่สิ่ง
หนึ่งที่จำเป็นต้องมีและขาดไม่ได้คือการบรรยายให้ลูกค้าทราบได้ว่าองค์กรของเรานั้นขายอะไร มีข้อดีอย่างไร แต่การ
อธิบายผู้บริโภคด้วยปากเปล่านั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่อธิบายได้ทั้งหมด ทำให้การพิมพ์แคตตาล็อกเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ใช้
เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์และการบริการของเราให้ลูกค้าได้รับทราบ ทั้งครอบคลุมรายละเอียดปลีกย่อย เข้าใจง่าย และมองเห็นภาพตามได้
ดีขึ้น แม้ปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีสารสนเทศมากมายเพื่อใช้ในการนำเสนอมากยิ่งขึ้นทำให้ความนิยมของการใช้งานจะลด
น้อยลงไปบ้าง แต่อย่างไรก็ดีการพิมพ์แคตตาล็อกก็ยังคงตอบโจทย์ในด้านความง่ายโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต
ทั้งยังพกพาคล่อง ไม่เพียงเท่านั้นยังง่ายต่อการใช้ใหม่ สามารถนำกลับมาดูใหม่ได้ ทั้งยังทำเป็นจดบันทึกลงรายละเอียด
เพิ่มเติมได้อีกด้วย
งานพิมพ์แคตตาล็อก (Catalogue) คือสิ่งพิมพ์ที่มีประเภทเป็นงานพิมพ์ที่ถูกเย็บรวมเข้าเป็นเล่ม เหมือนกับ
หนังสือ วารสารหรือนิตยสาร ทั้งนั้นยังต้องมีองค์ประกอบจำพวก บทนำ สารบัญ และเนื้อหารายละเอียดเหมือนกับ
หนังสือ ทำให้ส่วนใหญ่เกิดข้อสงสัยว่าแคตตาล็อกแตกต่างจากสิ่งพิมพ์รวมเล่มจำพวกอื่นอย่างไร สิ่งที่แตกต่างก็คือ
จุดมุ่งหมายการใช้งานเป็นหลัก โดยที่แคตตาล็อกนั้นจะมุ่งเน้นเนื้อความในด้านการโฆษณาและจัดแสดงแนะนำสินค้าเป็น
สำคัญ โดยจะมีรูปภาพและคำอธิบายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการบริการแต่ละชนิดขององค์กรเพื่อให้ผู้อ่านสามารถทำ
ความเข้าใจได้ดีขึ้น โดยต้องมีการจัดทำหมวดหมู่สินค้าเป็นกลุ่มอย่างแน่ชัดเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจหาและมีการระบุหน้าลง
ในสารบัญด้วย
เนื่องด้วยงานชี้แจงสินค้าเป็นงานที่ค่อนข้างจะสำคัญมาก ทำให้การออกแบบและสร้างสรรค์จะต้องคำนึงถึง
คุณภาพและความพิถีพิถันเป็นสำคัญ โดยจะแบ่งส่วนประกอบส่วนเพิ่มเติมโครงสร้างการพิมพ์แคตตาล็อกเป็น 2 ส่วน คือ
1.ส่วนปกเล่ม ส่วนนี้เป็นจำพวกที่แสดงและสร้างแรงจูงใจในการอ่านให้กับผู้พบเห็นจึงควรจะมีการออกแบบ
อาร์ตเวิร์คที่ดี การคัดเลือกใช้วัสดุหรือกระดาษที่มีคุณภาพและมีความหนาที่มากกว่าในส่วนของใจความ โดยอาจจะ
ใช้กระดาษประเภทอาร์ตการ์ด 190 แกรมขึ้นไป หรือกระดาษอาร์ตมันหรือกระดาษหนา 90 แกรมขึ้นไปก็เป็นได้และ
มีการประดับใช้สีและตกแต่งรูปภาพที่ดูน่าสนใจ รวมทั้งใช้เทคนิคในการพิมพ์ เช่น การปั๊มนูน การทำ Spot UV
ในจุดที่ต้องเน้นหนักเป็นพิเศษ หรือแม้กระทั่งการเคลือบฟิล์มลามิเนตเพื่อปกป้องรักษาความพังจากภายนอก เป็นต้น
2.ส่วนเนื้อหา ซึ่งในส่วนะนี้เป็นด้านนี้จะรวมถึงบทนำ สารบัญไว้ด้วยโดยจะใช้กระดาษที่เป็นกระดาษปอนด์ 80 แกรมขึ้นไปเพื่อไม่
ให้หมึกหรือสีเปรอะเปื้อนเพราะส่วนมากเนื้อหามักมีรูปภาพประกอบจึงใช้สีค่อนข้างมาก แต่หากต้องการให้มีการพิมพ์สองหน้า
อาจจะต้องใช้กระดาษที่มีความหนาเพิ่มขึ้นเพื่อให้ไม่สามารถสังเกตทะลุเห็นได้ทั้งสองด้าน เป็นต้น นอกจากนี้การใช้สีควรจะ
ทำให้งานที่พิมพ์ออกมานั้นเหมือนสินค้าจริงให้มากที่สุดเพราะอาจจะทำให้เกิดคำถามกับลูกค้าภายหลังได้ซึ่งต้องใช้
ความชำนิชำนาญพอสมควร
ในด้านการเลือกใช้สัดส่วนของการพิมพ์แคตตาล็อกนั้นต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 3 ประการ ประการแรกความสมดุล
ระหว่างสัดส่วนเล่มกับความหนาของเนื้อหา ยกตัวอย่างเช่น หากกำหนดสัดส่วนเล่มให้มีขนาดเล็ก แต่มีเนื้อหาที่ต้องนำเสนอมาก
ทำให้รูปเล่มมีความหนามากเกินไป ซึ่งจะส่งผลให้ผู้รับสารรู้เซ็งและไม่อยากอ่าน เป็นต้น อย่างที่สองความสมดุลระหว่าง
ขนาดเล่มกับสัดส่วนภาพ โดยการวางรูปภาพในเนื้อหาต่อ 1 หน้ามากที่สุดไม่ควรเกิน 8 ภาพเพราะส่งผลให้เกิดการลายตาได้
และต้องมีการจัดรูปภาพให้มีขนาดที่ทำให้ลูกค้าสามารถเห็นได้ถนัดตาโดยไม่เล็กจนเกินไป ประการสุดท้ายคือความสมดุล
ระหว่างขนาดเล่มกับขนาดตัวหนังสือ ส่วนมากการเตรียมทำแคตตาล็อกมักจะไม่เน้นการลงรายละเอียดที่เป็นตัวหนังสือมากนัก
จึงไม่ค่อยมีปัญหา แต่สำหรับสินค้าบางชนิดหรือผลิตภัณฑ์ที่เน้นด้านการบริการที่ต้องมีการขยายความเนื้อหาเป็นจำนวนมาก
การกำหนดสัดส่วนตัวอักษรจะต้องทำให้สามารถเห็นและอ่านได้ง่าย อาจจะต้องมีเคล็ดการจัดรูปแบบการอ่านที่ดูน่าสนใจ
ซึ่งอาจจะทำให้ใช้พื้นที่ในหน้าค่อนข้างมาก โดยทั้งหมดนี้มีองค์ประกอบที่ต้องพิจารณาร่วมในการออกแบบและกำหนดสัดส่วน
ซึ่งสัดส่วนของรูปเล่มที่นิยมใช้กับก็ตั้งแต่ขนาดใหญ่ 15 x 10.25 นิ้ว หรือเล็กที่สุดคร่าวๆกระดาษ A6 โดยขนาดที่ใช้
เสมอที่สุดคือ A4 เพราะมีขนาดที่พอดี พกพาสะดวก รวมถึงไม่ยากในออกแบบและจัดหน้ากระดาษ
ส่วนนี้จะกล่าวถึงลู่ทางการแจกจ่ายหรือการใช้งานพิมพ์แคตตาล็อกเพื่อเกิดผลดีสูงสุด สำหรับพิมพ์แคตตาล็อก
นี้ถือว่าเป็นสิ่งพิมพ์ที่มีทุนโดยมากโด่ง ซึ่งหากให้จัดพิมพ์เป็นปริมาณก็อาจจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากจนเกินไป เพื่อให้ได้
ประสิทธิภาพและการความคุ้มที่สุดควรจะมีการกำหนดจำเพาะจำเพาะเป้าหมายที่ต้องการให้ได้รับสาร เช่น การส่งตรงถึง
ลูกค้าที่เป็นขาประจำหรือบริโภคสินค้าอย่างต่อเนื่อง หรือ กลุ่มสมาชิกหรือผู้ที่ลงชื่อมีความต้องการข่าว เป็นต้น
โดยอาจจะส่งผ่านทางไปรษณีย์หรือการส่งให้กับมือผู้รับสารเองก็ได้ โดยกลุ่มบุคคลเหล่านี้ทางผู้เตรียมทำเองต้องคาดหวังที่จะ
ได้รับการสนองตอบมากกว่าสื่อสิ่งพิมพ์โฆษณาแบบอื่นๆ แต่สำหรับกิจการบางชนิดอาจจะใช้การจัดพิมพ์แคตตาล็อกเพียงไม่กี่
เล่มโดยจัดแจงแบ่งให้ในส่วนของหน้าร้านขายของเพื่อใช้สำหรับเวลาที่ลูกค้าเข้ามาสอบถาม หรือแบ่งให้ฝ่ายขายหรือตัวแทนจำหน่าย
ไว้ใช้เพียงเท่านั้นก็สามารถทำได้



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://www.pimplernprint.com/แคตตาล็อก_วารสาร/

ผลิตภัณฑ์กำจัดไรฝุ่น


กำจัดไรฝุ่น ต้องต้องใช้สารเคมีหรือไม่
ไรฝุ่น หมายถึงชื่อของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในระดับที่ตาเพ่งดูไม่เห็น มันเล็กกระจิดริดมาก ประมาณ 1/100 ของหน่วยวัดความยาวเป็นนิ้ว
แต่ถึงตัวมันจะเล็กกระจิดริดก็ส่งผลต่อคนเราในระดับที่ไม่อาจละเลย เพราะเจ้าสัตว์ขนาดจิ๋วชนิดนี้แหละเป็นตัวทำให้เราเกิดอาการภูมิแพ้
ที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของเราได้ เพราะไรฝุ่นจะผลิตสารก่อภูมิแพ้ ที่เป็นต้นเหตุของโรคทางเดินหายใจอักเสบ เป็นหวัดเรื้อรัง
มีอาการคันแลเคืองในดวงตา ตาแดง มีอาการโรคหอบหืด ไมเกรน และอาการผื่นคันตามผิวหนัง และไรฝุ่นสามารถ
แพร่ขยายขยายพันธุ์ได้อย่างฉับไวภายในบ้านที่อยู่อาศัย เพราะมันนิยมอาศัยอยู่ตามผ้า หรือในสิ่งที่มีเส้นใย และที่มันชอบ
มาอยู่ในแหล่งที่มีคนอาศัยอยู่อยู่มากก็คือ มันกินเศษผิวหนังที่หลุดออกของมนุษย์เราเป็นอาหาร ! ดังนั้นในที่ๆ มีคน มีเส้นใย
จึงเป็นไปได้ที่จะมีไรฝุ่นเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนส่งผลเสียต่อสุขภาพ ดังนั้นคนจำเป็นที่จะต้องหาวิธี กำจัดไรฝุ่น
ให้ออกไปให้พ้นจากบ้านเรือน และการ กำจัดไรฝุ่น ที่นิยมกันก็คือสารใช้สารเคมี ซึ่งบางคนก็กังวลใจในเรื่องผลกระทบ
ต่อร่างกายของคนด้วย อย่างไรก็ตามการ กำจัดไรฝุ่น มีอยู่ด้วยกันหลายแบบ ไม่ได้มีแค่ วิธี กำจัดไรฝุ่น ที่ต้องใช้สารเคมีแค่นั้น
วิธีการ กำจัดไรฝุ่น แบบไม่จำเป็นใช้สารเคมี ได้แก่...
1.การ กำจัดไรฝุ่น ด้วยแสงแดด ไรฝุ่นมีขนาดที่เล็กไม่ทนต่อความร้อนและรังสีจากแสงอาทิตย์ การนำเอาสิ่งที่เป็นผ้า
หรือเส้นใยไปตากแดด สามารถ กำจัดไรฝุ่น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.การ กำจัดไรฝุ่น ด้วยการซักในน้ำร้อน การนำเอาผ้าที่สัมผัสกับร่างกายของเราเป็นประจำพวกผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน
ผ้าห่ม หรืออื่นๆ ไปซักด้วยน้ำร้อน ทุกๆ 2 อาทิตย์ ช่วยในการ กำจัดไรฝุ่น ได้เช่นเดียวกัน
3.การ กำจัดไรฝุ่น ด้วย เครื่องดูดไรฝุ่น เป็นเครื่องมือที่ถูกปรับปรุงขึ้นมาเพื่อจัดการ กำจัดไรฝุ่น โดยเฉพาะ แต่อาจจะ
มีราคาสูงอยู่บ้างในการที่จะซื้อเอามาใช้งาน แต่ก็ถือว่าเป็นเครื่องใช้ไม้สอยที่คุ้มค่าทีเดียว
4.การใช้ เครื่องฟอกอากาศ ที่มีระบบ กำจัดไรฝุ่น ซึ่งนอกจากสามาร กำจัดไรฝุ่น แล้ว ก็ยังช่วยในเรื่องการดูดกลิ่น
ทำให้อากาศใสสะอาดสดชื่นได้อีกด้วย แต่ก็แน่นอนว่ามีราคาสูง
5.ใช้ผ้าป้องกันไรฝุ่น เป็นสินค้าที่ถูกก้าวหน้าขึ้นมาเพื่อป้องกันไรฝุ่นโดยเฉพาะ ล่าสุดมีปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน
ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีนี้ออกมาขาย
นี่เป็นวิธีการที่คนสามารถใช้ กำจัดไรฝุ่น หรือดูแลไม่ให้มันกลายมาเป็นปัญหากับพลานามัยของเราโดยที่ไม่ต้องใช้สารเคมี

 

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ผลิตภัณฑ์กําจัดไรฝุ่น

ขอบคุณบทความจาก : http://praiya.lnwshop.com/product/4/ผลิตภัณฑ์กำจัดไรฝุ่น-สเปรย์สมุนไพรกำจัดไรฝุ่น-mite-klean

ป้ายโฆษณาป้ายอิงค์เจ็ท (inkjet)

ผลิตภัณฑ์กว่านับพันนับหมื่นชิ้นท้องตลาด ผู้ผลิตกว่านับร้อยนับพันรายที่เป็นผู้จำหน่ายสินค้าและบริการ ปัญหาคือจะทำ
อย่างไรให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จัก และจะทำอย่างไรให้ผู้บริโภคเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ตัวนี้มากกว่าสินค้าตัวอื่นแน่นอนว่าจำเป็นต้องมีการโฆษณา
ทั้งนั้นเครื่องมือชนิดหนึ่งที่โดดเด่นมากในการชักชวนผลิตภัณฑ์ในด้านการเข้าถึงและสร้างความรู้จักให้กับผู้คนผ่านการมองเห็น สามารถ
เข้าถึงประชาชนได้หลากหลายและเป็นจำนวนมากนั่นคือ “ป้ายโฆษณา” ซึ่งเดี๋ยวนี้สามารถเห็นสื่อชนิดนี้ได้ตามบริเวณที่มีประชาชนล้มหลาม
เป็นจุดที่สังเกตและมองเห็นได้ง่าย เช่น ตามอาคารสูง ทางด่วน เป็นต้นจะมีทั้งป้ายโครงเหล็ก ป้ายบิลบอร์ด ป้ายแบนเนอร์ฝังผนัง หรือ
จะเป็นป้ายราคาถูกอย่าง ป้ายอิงค์เจ็ท ป้ายไวนิล เป็นต้น ทั้งนั้นเดี๋ยวนี้งานแผ่นป้ายรับทำป้ายนั้นมีอยู่หลากหลายขึ้นอยู่กับประเภทวัสดุ
และการใช้งานเป็นสำคัญ


สาเหตุที่ป้ายโฆษณาเป็นที่นิยมกันมากนั้นอันเนื่องมาจากความสามารถในการดึงดูดความสนใจ การเข้าถึงผู้ซื้อจำนวนมากไม่จำกัด
เป้าหมายและมีมูลค่าย่อมเยา ซึ่งทั้งสามประการนี้เป็นจุดแข็งของสื่อชนิดนี้ โดยสามารถแจกแจงได้เป็นข้อๆ ดังนี้ ข้อแรก ด้านความสามารถ
ในการดึงดูดหรือเรียกร้องความสนใจ อันเนื่องมาจากมนุษย์มักมองและสังเกตไปในจุดที่สะดุดตาและดูแตกต่างอยู่เสมอ สมมติว่าพื้นที่
ปกตินั้นเป็นตึกสิ่งก่อสร้างโดยทั่วไปแต่เมื่อมีป้ายที่มีความแตกต่างคนก็มักจะต้องเบนไปมองอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งถ้ามีข้อความหรือ
รูปภาพที่น่าสนใจแล้วยิ่งมีศักยภาพ ข้อสอง ด้านการเข้าถึงกลุ่มคนจำนวน หากเปรียบเทียบกับสื่อสิ่งพิมพ์เหมือนกัน เช่น ใบปลิว แผ่นพับ
ซึ่งมีจำนวนที่เล็กและการเข้าถึงเจาะจงส่วนที่เป็นเป้าหมาย การใช้ป้ายไวนิลจะเข้าถึงได้โดยไม่จำกัดจำนวนและผู้คนหลากหลาย
ประเภทไม่จำกัดสังคมมากกว่า และสุดท้ายข้อสาม ด้านราคา สำหรับสื่อโฆษณาแบบเน้นการเข้าถึงในวงกว้างอย่าง สื่อโทรทัศน์ วิทยุ
นั้นมีรายจ่ายในการผลิตที่สูงมากเมื่อเทียบป้ายราคาถูกกว่า
การจัดประเภทป้ายโฆษณาสามารถแบ่งได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ด้านพื้นที่ใช้งาน เช่น ป้ายใช้ภายใน ภายนอกอาคาร เป็นต้น
หรือ ด้านวัสดุแผ่นป้ายรับทำป้าย เช่น ป้ายไวนิล ป้ายโลหะ ป้ายหลอดไฟ ป้ายอิงค์เจ็ทแบบกระดาษ เป็นต้น แต่ที่นี้จะแบ่งตามขนาด
ของป้ายซึ่งจะเชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ซึ่งสามารถแบ่งได้ออกเป็น 4 ประเภท
1.ป้ายโฆษณาบิลบอร์ด คือ ป้ายที่มีขนาดใหญ่ที่เห็นตามถนน บนทางด่วน ซึ่งต้องสามารถการมองเห็นได้ง่าย แม้ในขณะนั่งรถที่วิ่งด้วยความเร็ว
ป้ายโฆษณาชนิดนี้จะไม่เน้นในการแสดงรายละเอียดผลิตภัณฑ์แต่จะเน้นในด้านสร้างกระแสความรู้จักมากกว่า
2.ป้ายคัตเอาท์ เป็นป้ายโฆษณาที่จะเน้นในอยู่ระดับสายตามีขนาดใหญ่พอประมาณเพื่อให้ง่ายในการดูในการเดินผ่านไปมา โดยมักจะมี
วัตถุประสงค์ในการดึงดูดความสนใจ ชักจูงในสนใจผลิตภัณฑ์ เช่น โปรโมชั่น แนะนำร้าน เป็นต้น
3.ป้ายโปสเตอร์ เป็นป้ายโฆษณาดึงดูดที่มีขนาดใหญ่แต่ไม่มากเท่าคัตเอาท์ซึ่งเป็นตามพื้นที่ต่างๆ ที่จะเน้นบริเวณคนมักจะยืน
รอหรือมีเวลาในการอ่านมาก เช่น ตามป้ายรถเมล์ ใต้ตึก ห้องอาหาร เป็นต้น
ป้ายโฆษณานั้นจะได้ผลต้องมีสิ่งที่ควรพิจารณาไว้เป็นองค์ประกอบ คือ
1.การออกแบบและรายละเอียดปลีกย่อยสินค้าที่เหมาะสม เนื้อหาและรูปภาพต้องเข้าใจง่าย ชัดเจนไม่ลึกลับซับซ้อน คนดูเข้าใจในสิ่งที่มุ่งหมายสื่อได้ชัดเจน
2.ขนาด ที่สมควรกับเนื้อหากับตำแหน่งที่ต้องใช้ติด สมมติถ้าติดป้ายโฆษณาขนาดเล็กบนทางอาคารสูงก็ไม่เหมาะสม
3.ทำเลที่ตั้งในการใช้งาน แม้ป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่หากติดผิดตำแหน่งอาจจะมีประสิทธิภาพไม่เท่าป้ายขนาดเล็กที่เป็นป้ายโฆษณาราคาถูกหากในตำแหน่งที่ใช่ก็ได้
4.วัสดุที่เลือกใช้ คุณลักษณะของวัสดุมีผลอย่างมากในด้านอายุการใช้งาน เพราะป้ายโฆษณาไม่ได้ใช้ครั้งเดียวทิ้ง บางครั้งติดไว้นานมากเป็นเดือน
หากใช้วัสดุไม่ถูกต้องแล้วก็จะทำให้งานโฆษณาเสียหายได้ อย่างเช่น งานที่ใช้ภายนอกต้องทนทานกับสภาพแวดล้อม แสงแดด ฝน ควรจะเป็น
วัสดุที่ต้องทนทานเป็นหลัก หากเป็นภายในอาคารป้ายสติ๊กเกอร์ ป้ายอิงค์เจ็ทก็นับว่าเพียงพอ
ช่วงปัจจุบันการทำแผ่นป้ายรับทำป้ายโฆษณานั้นไม่ได้มีสนนราคาแพงมากเท่าในอดีตเพราะมีเทคโนโลยีการผลิตที่พัฒนามากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการรายเล็ก
สามารถใช้ประโยชน์ได้มาก และทั้งนั้นป้ายโฆษณาราคาถูกไม่ได้ความว่าป้ายไม่มีคุณภาพ ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในหลายๆด้านเป็นสำคัญ

 



ขอบคุณบทความจาก : http://www.prou-d.com/15513680/ป้ายไวนิล

พิมพ์ใบปลิว

พิมพ์ใบปลิวโฆษณาที่เจอะเจอ

งานพิมพ์ใบปลิวนับเป็นโฆษณาที่เจอได้บ่อยมากในแต่ละวัน เชื่อว่าในทุกวันๆที่ท่านเดินทางไปทำงานหรือ
เดินเล่นตามที่ต่างๆ ในวันหยุด คุณจะได้พบเจอการแจกจ่ายใบปลิวเสมอไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้า
หรือแม้แต่หน้าออฟฟิศทำงาน เมื่อคุณได้รับจ่ายแจกสิ่งพิมพ์ใบปลิวเหล่านั้นมีบางครั้งคุณอาจจะสนใจในสินค้าหรือการ
การโฆษณาในใบปลิวตรงนั้นหรือบางครั้งอาจจะทิ้งมันไปโดยไม่ใยดีเลยก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตามอย่างน้อยเมื่อคุณได้รับ
ใบปลิวเข้ามาในมือแล้วคุณก็จะต้องก้มพินิจหรืออ่านใบปลิวผ่านตาบ้าง ซึ่งนั่นเป็นจุดเด่นของใบปลิวที่ทำให้การพิมพ์
ใบปลิวยังคงเป็นที่นิยมกันแง่การตลาดอยู่ทุกวันนี้
งานพิมพ์ใบปลิวแต่เดิมนั้นมีรากศัพท์มาจากคำว่า “Fliers”หรือก็คือแผ่นกระดาษที่ใช้โปรยแจกจ่ายนั่นเอง ซึ่งมักจะ
มีจุดสำคัญมากกว่ารูปภาพ โดยจะสาระสำคัญหาในเชิงที่ปกปิดไม่ระบุชื่อผู้เขียนใช้ในการเชิญชวน จูงใจ มักจะเป็นในแง่การเมือง
เป็นต้น ซึ่งอาจจะเคยได้เห็นตามภาพยนตร์ย้อนยุค แต่ต่อมาในสมัยปัจจุบันสิ่งพิมพ์ใบปลิวได้เปลี่ยนแบบไปในแง่ความหมายเป็น
คำว่า “Leaflet Handbill”ที่เป็นเอกสารขนาดเล็กคล้ายกับใบไม้โดยมีขนาดพอดีมือ จากเนื้อหาที่ปกปิดก็ถูกเปลี่ยนไป
ใช้ในการโฆษณาจูงใจโดยเปิดเผย การโปรยก็เปลี่ยนเป็นงานแจกหรือส่งจดหมายเพื่อให้เหมาะตามยุคสมัย เพราะคงไม่ดี
แน่หากจะโปรยทิ้งให้เป็นขยะตามท้องถนน
แม้งานเปลี่ยนแปลงพวกการใช้งานจะถูกปรับตามยุคสมัย แต่ประเภททางกายภาพของสิ่งพิมพ์ใบปลิวยังคง
เหมือนเดิม สิ่งพิมพ์ใบปลิวนั้นต้องมีเป็นกระดาษหรืองานพิมพ์ใบเดียวโดยไม่มีงานพับหรือรวมเล่มใดๆ นอกจากนั้นจะ
ปรับแต่งอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา ขนาด หรือประเภทของกระดาษก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ทำเอง ซึ่งประจุบันแล้ว
การพิมพ์ใบปลิวมักจะไม่ค่อยเน้นเนื้อหาแต่จะเน้นเฉพาะข้อที่สำคัญหรือรูปภาพเป็นส่วนใหญ่เพื่อให้เกิดความ
น่าสนใจและไม่ทำให้ดูน่าเบื่อเกินไป เช่น หากเป็นงานสื่อโฆษณาร้านอาหารใหม่ ก็อาจจะเน้นให้มีรูปบรรยากาศร้านอาหาร
รูปเมนูอาหาร รูปแผนที่การเดินทาง โดยเนื้อหาก็นิยมระบุเพียงคำบรรยายถึงบรรยากาศและรสชาติอาหารเพียงไม่กี่
ประโยค รวมถึงวิธีการไปอย่างย่อและเบอร์โทรศัพท์สื่อสาร เป็นต้น
งานพิมพ์ใบปลิวนั้นนับได้ว่าเป็นการจัดทำสื่อโฆษณาประเภทสิ่งพิมพ์ที่ถูกที่สุด หากไม่กำหนดประเภทหรือ
ขนาดกระดาษที่แพงจนเกินไป ซึ่งโดยมากมักจะใช้ขนาด A4 เป็นมาตรฐานเพราะความง่ายในด้านการพิมพ์และขนาด
ไม่ใหญ่หรือเล็กจนมากเกินไป รวมถึงกระดาษก็จะใช้กระดาษธรรมดา เช่น กระดาษอาร์ตมัน กระดาษปอนด์ โดยมีความหนา
ประมาณ 80 แกรม เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะงานพิมพ์ใบปลิวตรงนั้นจะเน้นที่ปริมาณมากกว่า ดังนั้นส่วนใหญ่จะไม่ค่อย
เน้นในการเติมแต่งพิเศษประเภทการเคลือบผิวเพราะไม่ได้มุ่งเน้นด้านความแข็งแรงเท่าใดนัก ด้านความดูดีส่วนใหญ่
จะเรื่องของการของออกแบบไฟล์งานพิมพ์เสียเป็นหลัก แต่อย่างไรก็ดีความสวยหรูเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างแรงดึงดูดในการ
อ่านเป็นอย่างมากจึงไม่ควรละเลย
สำหรับวิธีการใช้งานสิ่งพิมพ์ใบปลิวนั้นมีความสำคัญไม่แพ้กัน พวกคุณเคยมองดูหรือไม่ว่าแม้ทางด้าน
จิตวิทยาแล้วหากมีการรับใบปลิวเข้ามาภายในมือแล้วอย่างน้อยต้องดูผ่านตาบ้าง ซึ่งคุณจะสนใจหรือไม่เป็นอีกเรื่อง แต่มี
หลายครั้งที่พบว่าบางคนได้รับใบปลิวเข้ามาแล้วทิ้งโดยทันทีในเวลานั้นเลยหรือปฏิเสธที่จะรับทันที สิ่งที่สำคัญในงานแจกจ่าย
ใบปลิวแล้วนอกจากจะเลือกที่มีผู้คนพลุกพล่านแล้วต้องคำนึงถึงความควรของสถานที่และช่วงเวลาด้วย โดย
ส่วนมากผู้แจกมักจะละเลยในจุดๆ นี้ เช่น แจกใบปลิวตอนช่วงเวลาเร่งด่วนซึ่งโดยมากผู้คนกำลังรีบ เป็นต้น การพิมพ์
ใบปลิวแจกจ่ายนั้นพึงพินิจองค์ประกอบต่างๆ ร่วมด้วยเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : พิมพ์ใบปลิว ถูก

เครดิต : http://www.pimplernprint.com/เเผ่นพับ_ใบปลิว_Digital_Offset/

พิมพ์แคตตาล็อก

พิมพ์แคตตาล็อก (Catalogues)เพิ่มยอดขาย
งานขายเป็นส่วนสำคัญมากที่สุดส่วนหนึ่งในการทำธุรกิจการค้าเกือบทุกประเภท ไม่ว่าเป็นสินค้าและการบริการ แต่สิ่ง
หนึ่งที่จำเป็นต้องมีและขาดไม่ได้คือการนำเสนอให้ลูกค้าทราบได้ว่าหน่วยงานของเรานั้นขายอะไร มีประเด็นสำคัญอย่างไร แต่การ
อธิบายผู้บริโภคด้วยปากเปล่านั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่ชี้แจงได้ทั้งหมด ทำให้การพิมพ์แคตตาล็อกเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ใช้
เพื่อแนะนำสินค้าและการบริการของเราให้ลูกค้าได้รับทราบ ทั้งครอบคลุมเรื่องประกอบ เข้าใจง่าย และมองเห็นภาพตามได้
ดีขึ้น แม้ปัจจุบันนี้จะมีเทคโนโลยีสารสนเทศมากมายเพื่อใช้ในการบรรยายมากยิ่งขึ้นทำให้ความนิยมของการใช้งานจะลด
น้อยลงไปบ้าง แต่อย่างไรก็ดีการพิมพ์แคตตาล็อกก็ยังคงตอบโจทย์ในด้านความสบายโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต
ทั้งยังพกพาง่าย ไม่เพียงเท่านั้นยังง่ายต่อการใช้ใหม่ สามารถนำกลับมาดูใหม่ได้ ทั้งยังเป็นได้จดบันทึกลงรายละเอียด
เพิ่มเติมได้อีกด้วย
งานพิมพ์แคตตาล็อก (Catalogue) คือสิ่งพิมพ์ที่มีรูปร่างเป็นสิ่งพิมพ์ที่ถูกเย็บรวมเข้าเป็นเล่ม เหมือนกับ
หนังสือ วารสารหรือนิตยสาร ทั้งนั้นยังต้องมีองค์ประกอบจำพวก บทนำ สารบัญ และเนื้อหาเรื่องเบ็ดเตล็ดเหมือนกับ
หนังสือ ทำให้ส่วนใหญ่เกิดข้อสงสัยว่าแคตตาล็อกแตกต่างจากสิ่งพิมพ์รวมเล่มลักษณะอื่นอย่างไร สิ่งที่แตกต่างก็คือ
จุดประสงค์การใช้งานเป็นหลัก โดยที่แคตตาล็อกนั้นจะมุ่งเน้นสาระในด้านการโฆษณาและจัดแสดงแนะนำสินค้าเป็น
สำคัญ โดยจะมีรูปภาพและคำอธิบายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการบริการแต่ละจำพวกขององค์กรเพื่อให้ผู้อ่านสามารถทำ
ความเข้าใจได้ดีขึ้น โดยต้องมีการจัดทำหมวดหมู่สินค้าเป็นกลุ่มอย่างชัดเจนเพื่อให้ง่ายต่อการสำรวจหาและมีการระบุหน้าลง
ในสารบัญด้วย
เนื่องด้วยงานอธิบายผลิตภัณฑ์เป็นงานที่ค่อนข้างจะสำคัญมาก ทำให้การออกแบบและสร้างสรรค์จะต้องคำนึงถึง
คุณภาพและความพิถีพิถันเป็นสำคัญ โดยจะแบ่งส่วนเพิ่มเติมส่วนเพิ่มเติมโครงสร้างการพิมพ์แคตตาล็อกเป็น 2 ส่วน คือ
1.ส่วนปกเล่ม ส่วนนี้เป็นส่วนที่โชว์และสร้างแรงชักชวนใจในการอ่านให้กับผู้พบเห็นจึงควรจะมีการออกแบบ
อาร์ตเวิร์คที่ดี การคัดใช้วัสดุหรือกระดาษที่มีคุณภาพและมีความหนาที่มากกว่าในส่วนของเนื้อหา โดยอาจจะ
ใช้กระดาษจำพวกอาร์ตการ์ด 190 แกรมขึ้นไป หรือกระดาษอาร์ตมันหรือกระดาษหนา 90 แกรมขึ้นไปก็เป็นได้และ
มีการแต่งเติมใช้สีและตกแต่งรูปภาพที่ดูน่าสนใจ รวมทั้งใช้เทคนิคในการพิมพ์ เช่น การปั๊มนูน การทำ Spot UV
ในจุดที่ต้องเน้นย้ำเป็นพิเศษ หรือแม้กระทั่งการเคลือบฟิล์มลามิเนตเพื่อรักษาความเสียหายจากภายนอก เป็นต้น
2.ส่วนเนื้อหา ซึ่งในส่วนะนี้เป็นด้านนี้จะรวมถึงบทนำ สารบัญไว้ด้วยโดยจะใช้กระดาษที่เป็นกระดาษปอนด์ 80 แกรมขึ้นไปเพื่อไม่
ให้หมึกหรือสีเลอะเทอะเพราะส่วนมากเนื้อหามักมีรูปภาพประกอบจึงใช้สีค่อนข้างมาก แต่หากต้องการให้มีการพิมพ์สองหน้า
อาจจะต้องใช้กระดาษที่มีความหนาเพิ่มขึ้นเพื่อให้ไม่สามารถสังเกตทะลุเห็นได้ทั้งสองด้าน เป็นต้น นอกจากนี้การใช้สีควรจะ
ทำให้งานที่พิมพ์ออกมานั้นเหมือนสินค้าจริงให้มากที่สุดเพราะอาจจะทำให้เกิดตัวปัญหากับลูกค้าภายหลังได้ซึ่งต้องใช้
ความแตกฉานพอสมควร
ในด้านการเลือกใช้สัดส่วนของการพิมพ์แคตตาล็อกตรงนั้นต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 3 ประการ ประการแรกความสมดุล
ระหว่างสัดส่วนเล่มกับความหนาของเนื้อหา ยกตัวอย่างเช่น หากกำหนดขนาดเล่มให้มีสัดส่วนเล็ก แต่มีเนื้อหาที่ต้องอธิบายมาก
ทำให้รูปเล่มมีความหนามากเกินไป ซึ่งจะส่งผลให้ผู้รับสารรู้เอียนและไม่อยากอ่าน เป็นต้น อย่างที่สองความสมดุลระหว่าง
ขนาดเล่มกับขนาดภาพ โดยการวางรูปภาพในเนื้อหาต่อ 1 หน้ามากที่สุดไม่ควรเกิน 8 ภาพเพราะส่งผลให้เกิดการลายตาได้
และต้องมีการจัดรูปภาพให้มีขนาดที่ทำให้ลูกค้าสามารถมองเห็นได้ชัดเจนโดยไม่เล็กจนเกินไป ประการท้ายที่สุดคือความสมดุล
ระหว่างขนาดเล่มกับขนาดตัวหนังสือ ส่วนมากการจัดทำแคตตาล็อกมักจะไม่เน้นการลงรายละเอียดที่เป็นตัวหนังสือมากนัก
จึงไม่ค่อยมีคำถาม แต่สำหรับสินค้าบางลักษณะหรือผลิตภัณฑ์ที่เน้นด้านการบริการที่ต้องมีการอธิบายเนื้อหาเป็นจำนวนมาก
การกำหนดสัดส่วนตัวอักษรจะต้องทำให้สามารถเห็นและอ่านได้ไม่ยาก อาจจะต้องมีเทคนิคการจัดแจงรูปแบบการอ่านที่ดูน่าสนใจ
ซึ่งอาจจะทำให้ใช้พื้นที่ในหน้าค่อนข้างมาก โดยทั้งหมดนี้มีองค์ประกอบที่ต้องตรวจสอบร่วมในการออกแบบและกำหนดสัดส่วน
ซึ่งขนาดของรูปเล่มที่นิยมใช้กับก็ตั้งแต่ขนาดใหญ่ 15 x 10.25 นิ้ว หรือเล็กที่สุดประมาณกระดาษ A6 โดยสัดส่วนที่ใช้
ประจำที่สุดคือ A4 เพราะมีขนาดที่พอดี พกพาสะดวก รวมถึงง่ายๆในออกแบบและจัดหน้ากระดาษ
ส่วนนี้จะกล่าวถึงทางการแจกจ่ายหรือการใช้งานพิมพ์แคตตาล็อกเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด สำหรับพิมพ์แคตตาล็อก
นี้ถือว่าเป็นสิ่งพิมพ์ที่มีต้นทุนออกจะสูง ซึ่งหากให้จัดพิมพ์เป็นปริมาณก็อาจจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากจนเกินไป เพื่อให้ได้
ประสิทธิภาพและการความคุ้มที่สุดควรจะมีการกำหนดจำเพาะเฉพาะเจาะจงเป้าหมายที่ต้องการให้ได้รับสาร เช่น การส่งตรงถึง
ลูกค้าที่เป็นขาประจำหรือบริโภคสินค้าอย่างสม่ำเสมอ หรือ กลุ่มสมาชิกหรือผู้ที่ลงทะเบียนมีความต้องการข้อมูล เป็นต้น
โดยอาจจะส่งผ่านทางไปรษณีย์หรือการมอบให้กับมือผู้รับสารเองก็ได้ โดยกลุ่มบุคคลเหล่านี้ทางผู้เตรียมทำเองต้องคาดหวังที่จะ
ได้รับการตอบกลับมากกว่าสื่อสิ่งพิมพ์โฆษณาแบบอื่นๆ แต่สำหรับกิจการบางประเภทอาจจะใช้การจัดเตรียมพิมพ์แคตตาล็อกเพียงไม่กี่
เล่มโดยจัดเตรียมแบ่งให้ในส่วนของหน้าร้านรวงเพื่อใช้สำหรับเวลาที่ลูกค้าเข้ามาสืบถาม หรือแบ่งให้ฝ่ายขายหรือตัวแทนขาย
ไว้ใช้เพียงเท่านั้นก็สามารถทำได้



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://www.pimplernprint.com/แคตตาล็อก_วารสาร/

ผลิตภัณฑ์กำจัดไรฝุ่น


กำจัดไรฝุ่น จำเป็นจะต้องต้องใช้สารเคมีหรือไม่
ไรฝุ่น เป็นชื่อของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในระดับที่ตามองไม่เห็น มันกระจิดริดมาก ประมาณ 1/100 ของหน่วยวัดความยาวเป็นนิ้ว
แต่ถึงตัวมันจะจี๊ดก็ส่งผลต่อคนเราในระดับที่ไม่อาจละเลย เพราะเจ้าสัตว์ขนาดจี๊ดชนิดนี้แหละเป็นตัวทำให้เราเกิดอาการภูมิแพ้
ที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ได้ เพราะไรฝุ่นจะเกิดสารก่อภูมิแพ้ ที่เป็นเหตุของโรคทางเดินหายใจอักเสบ เป็นหวัดเรื้อรัง
มีอาการคันแลระคายในดวงตา ตาแดง มีอาการโรคหอบหืด ไมเกรน และอาการผื่นคันตามผิวหนัง และไรฝุ่นสามารถ
แพร่ขยายขยายพันธุ์ได้อย่างโดยทันทีภายในบ้านที่อยู่อาศัย เพราะมันนิยมอาศัยอยู่ตามผ้า หรือในสิ่งที่มีเส้นใย และที่มันชอบ
มาอยู่ในถิ่นที่มีคนเข้าอยู่อยู่มากก็คือ มันกินเศษผิวหนังที่หลุดออกของคนเราเป็นอาหาร ! เพราะฉะนั้นในที่ๆ มีคน มีเส้นใย
จึงเป็นไปได้ที่จะมีไรฝุ่นเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ จนส่งโทษต่อสุขภาพ ดังนั้นมนุษย์จำเป็นที่จะต้องหาวิธี กำจัดไรฝุ่น
ให้ออกไปให้พ้นจากที่อยู่ และการ กำจัดไรฝุ่น ที่นิยมกันก็คือสารใช้สารเคมี ซึ่งบางคนก็กังวลในเรื่องผลกระทบ
ต่อร่างกายของมนุษย์ด้วย อย่างไรก็ตามการ กำจัดไรฝุ่น มีอยู่ด้วยกันหลายทาง ไม่ได้มีแค่ วิธี กำจัดไรฝุ่น ที่ต้องใช้สารเคมีเท่านั้น
วิธีการ กำจัดไรฝุ่น แบบไม่จำเป็นจะต้องใช้สารเคมี ได้แก่...
1.การ กำจัดไรฝุ่น ด้วยแสงแดด ไรฝุ่นมีขนาดที่เล็กไม่แข็งแรงต่อความร้อนและรังสีจากแสงอาทิตย์ การนำเอาสิ่งที่เป็นผ้า
หรือเส้นใยไปตากแดด สามารถ กำจัดไรฝุ่น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.การ กำจัดไรฝุ่น ด้วยการซักในน้ำร้อน การนำเอาผ้าที่สัมผัสกับร่างกายของเราเป็นประจำพวกผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน
ผ้าห่ม หรืออื่นๆ ไปซักด้วยน้ำร้อน ทุกๆ 2 อาทิตย์ ช่วยในการ กำจัดไรฝุ่น ได้เช่นเดียวกัน
3.การ กำจัดไรฝุ่น ด้วย เครื่องดูดไรฝุ่น เป็นเครื่องมือที่ถูกปฏิรูปขึ้นมาเพื่อจัดการ กำจัดไรฝุ่น โดยเฉพาะ แต่อาจจะ
มีราคาสูงอยู่บ้างในการที่จะซื้อเอามาใช้งาน แต่ก็ถือว่าเป็นเครื่องมือที่คุ้มค่าทีเดียว
4.การใช้ เครื่องฟอกอากาศ ที่มีระบบ กำจัดไรฝุ่น ซึ่งนอกจากสามาร กำจัดไรฝุ่น แล้ว ก็ยังสนับสนุนในเรื่องการดูดกลิ่น
ทำให้อากาศใสสะอาดสดชื่นได้อีกด้วย แต่ก็แน่นอนว่ามีสนนราคาสูง
5.ใช้ผ้าป้องกันไรฝุ่น เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อป้องกันไรฝุ่นโดยเฉพาะ ประจุบันมีปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน
ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีนี้ออกมาจำหน่าย
นี่เป็นวิธีการที่เราสามารถใช้ กำจัดไรฝุ่น หรือป้องกันไม่ให้มันกลายมาเป็นปัญหากับสุขภาพของเราโดยที่ไม่ต้องใช้สารเคมี

 

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สเปรย์กําจัดไรฝุ่น

ขอบคุณบทความจาก : http://praiya.lnwshop.com/product/4/ผลิตภัณฑ์กำจัดไรฝุ่น-สเปรย์สมุนไพรกำจัดไรฝุ่น-mite-klean

ป้ายโฆษณาป้ายแบนเนอร์

สินค้ากว่านับพันนับหมื่นชิ้นตลาด ผู้ผลิตกว่านับร้อยนับพันรายที่เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าและบริการ ปัญหาคือจะทำ
อย่างไรให้สินค้าเป็นที่รู้จัก และจะทำอย่างไรให้ลูกค้าเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ตัวนี้มากกว่าสินค้าตัวอื่นแน่นอนว่าจำเป็นต้องมีการโฆษณา
ทั้งนั้นเครื่องมือชนิดหนึ่งที่เด่นมากในการชักจูงผลิตภัณฑ์ในด้านการเข้าถึงและสร้างความรู้จักให้กับผู้คนผ่านการมองเห็น สามารถ
เข้าถึงกลุ่มคนได้หลากหลายและเป็นจำนวนมากนั่นคือ “ป้ายโฆษณา” ซึ่งเดี๋ยวนี้สามารถเห็นสื่อชนิดนี้ได้ตามบริเวณที่มีผู้คนคับคั่ง
เป็นจุดที่มองดูและมองเห็นได้ง่าย เช่น ตามอาคารสูง ทางด่วน เป็นต้นจะมีทั้งป้ายโครงเหล็ก ป้ายบิลบอร์ด ป้ายแบนเนอร์ฝังผนัง หรือ
จะเป็นป้ายราคาถูกอย่าง ป้ายอิงค์เจ็ท ป้ายไวนิล เป็นต้น ทั้งนั้นเดี๋ยวนี้งานแผ่นป้ายรับทำป้ายนั้นมีต่างๆ นาๆขึ้นอยู่กับประเภทวัสดุ
และการใช้งานเป็นสำคัญ


สาเหตุที่ป้ายโฆษณาเป็นที่นิยมกันมากนั้นอันเนื่องมาจากความสามารถในการดึงดูดความสนใจ การเข้าถึงผู้ซื้อจำนวนมากไม่จำกัด
เป้าหมายและประกอบด้วยค่าถูก ซึ่งทั้งสามประการนี้เป็นจุดแข็งของสื่อชนิดนี้ โดยสามารถแจกแจงได้เป็นข้อๆ ดังนี้ ข้อแรก ด้านความสามารถ
ในการดึงดูดหรือเรียกร้องความสนใจ อันเนื่องมาจากมนุษย์มักมองและสังเกตไปในจุดที่สะดุดตาและดูแตกต่างอยู่เสมอ สมมติว่าพื้นที่
ปกตินั้นเป็นอาคารสิ่งก่อสร้างโดยทั่วไปแต่เมื่อมีป้ายที่มีความแตกต่างคนก็มักจะต้องเบนไปมองอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งถ้ามีข้อความหรือ
รูปภาพที่น่าสนใจแล้วยิ่งมีศักยภาพ ข้อสอง ด้านการเข้าถึงผู้คนจำนวน หากเปรียบเทียบกับสื่อสิ่งพิมพ์เหมือนกัน เช่น ใบปลิว แผ่นพับ
ซึ่งมีจำนวนบริเวณจำกัดและการเข้าถึงเฉพาะเจาะจงวงการที่เป็นเป้าหมาย การใช้ป้ายไวนิลจะเข้าถึงได้โดยไม่จำกัดจำนวนและผู้คนหลากหลาย
ประเภทไม่จำกัดวงการมากกว่า และสุดท้ายข้อสาม ด้านราคา สำหรับสื่อโฆษณาแบบเน้นการเข้าถึงในวงกว้างอย่าง สื่อโทรทัศน์ วิทยุ
นั้นมีรายจ่ายในการผลิตที่สูงมากเมื่อเทียบป้ายราคาถูกกว่า
การจัดประเภทป้ายโฆษณาสามารถแบ่งได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ด้านพื้นที่ใช้งาน เช่น ป้ายใช้ภายใน ภายนอกอาคาร เป็นต้น
หรือ ด้านวัสดุแผ่นป้ายรับทำป้าย เช่น ป้ายไวนิล ป้ายโลหะ ป้ายหลอดไฟ ป้ายอิงค์เจ็ทแบบกระดาษ เป็นต้น แต่ที่นี้จะแบ่งตามขนาด
ของป้ายซึ่งจะเชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ซึ่งสามารถแบ่งได้ออกเป็น 4 ประเภท
1.ป้ายโฆษณาบิลบอร์ด คือ ป้ายที่มีขนาดใหญ่ที่เห็นตามถนน บนทางด่วน ซึ่งต้องสามารถการสังเกตเห็นได้สะดวก แม้ในขณะนั่งรถที่วิ่งด้วยความเร็ว
ป้ายโฆษณาชนิดนี้จะไม่เน้นในการแสดงรายละเอียดสินค้าแต่จะเน้นในด้านทำกระแสความรู้จักมากกว่า
2.ป้ายคัตเอาท์ เป็นป้ายโฆษณาที่จะเน้นในอยู่ระดับสายตามีขนาดใหญ่พอประมาณเพื่อให้ง่ายในการเห็นในการเดินผ่านไปมา โดยมักจะมี
วัตถุประสงค์ในการดึงดูดความสนใจ ชักจูงในสนใจผลิตภัณฑ์ เช่น โปรโมชั่น แนะนำร้าน เป็นต้น
3.ป้ายโปสเตอร์ เป็นป้ายโฆษณาดึงดูดความสนใจที่มีขนาดใหญ่แต่ไม่มากเท่าคัตเอาท์ซึ่งเป็นตามพื้นที่ต่างๆ ที่จะเน้นพื้นที่คนมักจะยืน
รอหรือมีเวลาในการอ่านมาก เช่น ตามป้ายรถเมล์ ข้างใต้อาคาร ห้องอาหาร เป็นต้น
ป้ายโฆษณานั้นจะได้ผลต้องมีสิ่งที่สมควรพินิจพิจารณาไว้เป็นองค์ประกอบ คือ
1.การออกแบบและรายละเอียดสินค้าที่เหมาะสม เนื้อหาและรูปภาพต้องเข้าใจง่าย ชัดเจนไม่ยุ่งยาก คนดูเข้าใจในสิ่งที่ตั้งใจสื่อได้ชัดเจน
2.ขนาด ที่ควรกับเนื้อหากับตำแหน่งที่ต้องใช้ติด สมมติถ้าติดป้ายโฆษณาขนาดเล็กบนทางอาคารสูงก็ไม่เหมาะสม
3.บริเวณในการใช้งาน แม้ป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่หากติดผิดตำแหน่งอาจจะมีประสิทธิภาพไม่เท่าป้ายขนาดเล็กที่เป็นป้ายโฆษณาราคาถูกหากในตำแหน่งที่ใช่ก็ได้
4.วัสดุที่เลือกใช้ คุณลักษณะของวัสดุมีผลอย่างมากในด้านอายุการใช้งาน เพราะป้ายโฆษณาไม่ได้ใช้ครั้งเดียวทิ้ง บางครั้งติดไว้เป็นเวลายาวนานเป็นเดือน
หากใช้วัสดุไม่ชำนาญแล้วก็จะทำให้งานโฆษณาเสียหายได้ อย่างเช่น งานที่ใช้ภายนอกต้องคงทนกับสภาพแวดล้อม แสงแดด ฝน ควรจะเป็น
วัสดุที่ต้องทนทานเป็นหลัก หากเป็นภายในอาคารป้ายสติ๊กเกอร์ ป้ายอิงค์เจ็ทก็นับว่าเพียงพอ
ยุคปัจจุบันการทำแผ่นป้ายรับทำป้ายโฆษณานั้นไม่ได้มีสนนราคาแพงมากเท่าในอดีตเพราะมีเทคโนโลยีการผลิตที่พัฒนามากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการรายเล็ก
สามารถใช้ประโยชน์ได้มาก และทั้งนั้นป้ายโฆษณาราคาถูกไม่ได้ความว่าป้ายไม่มีคุณภาพ ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในหลายๆด้านเป็นสำคัญ

 



ขอบคุณบทความจาก : http://www.prou-d.com/15513680/ป้ายไวนิล

พิมพ์ใบปลิว

พิมพ์ใบปลิวสื่อโฆษณาที่พบเห็น

งานพิมพ์ใบปลิวนับเป็นสื่อโฆษณาที่ประสบได้บ่อยมากในแต่ละวัน เชื่อว่าในทุกวันๆที่ท่านเดินทางไปทำงานหรือ
เดินเล่นตามบริเวณต่างๆ ในวันหยุด คุณจะได้พบเจอการจ่ายแจกใบปลิวเสมอไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้า
หรือแม้แต่หน้าออฟฟิศทำงาน เมื่อคุณได้รับแจกสิ่งพิมพ์ใบปลิวเหล่านั้นมีบางครั้งคุณอาจจะสนใจในผลิตภัณฑ์หรือการ
พีอาร์ในใบปลิวตรงนั้นหรือบางคราวอาจจะทิ้งมันไปโดยไม่ใยดีเลยก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตามอย่างน้อยเมื่อคุณได้รับ
ใบปลิวเข้ามาในมือแล้วคุณก็จะต้องก้มมองดูหรืออ่านใบปลิวผ่านตาบ้าง ซึ่งนั่นเป็นข้อดีของใบปลิวที่ทำให้การพิมพ์
ใบปลิวยังคงเป็นที่นิยมกันแง่การตลาดอยู่ทุกวันนี้
การพิมพ์ใบปลิวแต่เดิมนั้นมีรากศัพท์มาจากคำว่า “Fliers”หรือก็คือแผ่นกระดาษที่ใช้โปรยจ่ายแจกนั่นเอง ซึ่งมักจะ
มีเนื้อหามากกว่ารูปภาพ โดยจะเนื้อความหาในเชิงที่ปกปิดไม่ระบุชื่อผู้เขียนใช้ในการเชิญชวน จูงใจ มักจะเป็นในแง่การเมือง
เป็นต้น ซึ่งอาจจะเคยได้เห็นตามภาพยนตร์ย้อนยุค แต่ต่อมาในปัจจุบันสิ่งพิมพ์ใบปลิวได้กลับกันไปในแง่ความหมายเป็น
คำว่า “Leaflet Handbill”ที่เป็นสิ่งพิมพ์ขนาดเล็กคล้ายกับใบไม้โดยมีขนาดพอดีมือ จากเนื้อหาที่ปกปิดก็ถูกเปลี่ยนไป
ใช้ในการโฆษณาจูงใจโดยเปิดเผย การโปรยก็เปลี่ยนเป็นงานจ่ายแจกหรือส่งจดหมายเพื่อให้เหมาะตามยุคสมัย เพราะคงไม่ดี
แน่หากจะโปรยทิ้งให้เป็นขยะตามท้องถนน
แม้การเปลี่ยนแปลงพวกการใช้งานจะถูกปรับตามยุคสมัย แต่รูปร่างทางกายภาพของสิ่งพิมพ์ใบปลิวยังคง
เหมือนเดิม สิ่งพิมพ์ใบปลิวนั้นต้องมีเป็นกระดาษหรือเอกสารใบเดียวโดยไม่มีงานพับหรือรวมเล่มใดๆ นอกจากนั้นจะ
ปรับแต่งอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา ขนาด หรือจำพวกของกระดาษก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ทำเอง ซึ่งปัจจุบันแล้ว
งานพิมพ์ใบปลิวมักจะไม่ค่อยเน้นเนื้อหาแต่จะเน้นเฉพาะหัวเรื่องที่สำคัญหรือรูปภาพเป็นส่วนใหญ่เพื่อให้เกิดความ
น่าสนใจและไม่ทำให้ดูน่าเบื่อเกินไป เช่น หากเป็นงานโฆษณาร้านอาหารใหม่ ก็อาจจะเน้นให้มีรูปบรรยากาศร้านอาหาร
รูปเมนูอาหาร รูปแผนที่การไป โดยเนื้อหาก็นิยมระบุเพียงคำบรรยายถึงบรรยากาศและรสชาติอาหารเพียงไม่กี่
ประโยค รวมถึงวิธีการเที่ยวอย่างย่อและเบอร์โทรศัพท์สื่อสาร เป็นต้น
งานพิมพ์ใบปลิวนั้นนับได้ว่าเป็นการจัดทำสื่อโฆษณาประเภทสิ่งพิมพ์ที่ถูกที่สุด หากไม่กำหนดประเภทหรือ
ขนาดกระดาษที่แพงจนเกินไป ซึ่งโดยมากมักจะใช้ขนาด A4 เป็นมาตรฐานเพราะความง่ายในด้านการพิมพ์และขนาด
ไม่ใหญ่หรือเล็กจนมากเกินไป รวมถึงกระดาษก็จะใช้กระดาษธรรมดา เช่น กระดาษอาร์ตมัน กระดาษปอนด์ โดยมีความหนา
ประมาณ 80 แกรม เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะการพิมพ์ใบปลิวนั้นจะเน้นที่ปริมาณมากกว่า ดังนั้นโดยมากจะไม่ค่อย
เน้นในการแต่งแต้มพิเศษประเภทการเคลือบผิวเพราะไม่ได้เน้นด้านความทนเท่าใดนัก ด้านความเรียบร้อยส่วนใหญ่
จะเรื่องของการของออกแบบไฟล์งานพิมพ์เสียเป็นหลัก แต่อย่างไรก็ดีความงามเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างแรงดึงดูดในการ
อ่านเป็นอย่างมากจึงไม่ควรละเลย
สำหรับวิธีการใช้งานสิ่งพิมพ์ใบปลิวนั้นมีความสำคัญไม่แพ้กัน พวกคุณเคยตรวจหรือไม่ว่าแม้ทางด้าน
จิตวิทยาแล้วหากมีการรับใบปลิวเข้ามาที่มือแล้วอย่างน้อยต้องสังเกตผ่านตาบ้าง ซึ่งคุณจะสนใจหรือไม่เป็นอีกเรื่อง แต่มี
หลายครั้งที่พบว่าบางคนได้รับใบปลิวเข้ามาแล้ววางมือทันใดในเวลานั้นเลยหรือปฏิเสธที่จะรับทันที สิ่งที่สำคัญในการแจกจ่าย
ใบปลิวแล้วนอกจากจะเลือกที่มีผู้คนเนืองแน่นแล้วต้องคำนึงถึงความเหมาะของสถานที่และช่วงเวลาด้วย โดย
ส่วนมากผู้แจกจ่ายมักจะละเลยในจุดๆ นี้ เช่น แจกจ่ายใบปลิวตอนช่วงเวลาเร่งด่วนซึ่งโดยมากผู้คนกำลังรีบ เป็นต้น การพิมพ์
ใบปลิวแจกจ่ายนั้นพึงสังเกตองค์ประกอบต่างๆ ร่วมด้วยเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด



ขอบคุณบทความจาก : http://www.pimplernprint.com/เเผ่นพับ_ใบปลิว_Digital_Offset/

พิมพ์แคตตาล็อก

พิมพ์แคตตาล็อก (Catalogues)เพิ่มยอดขาย
งานขายเป็นส่วนสำคัญมากที่สุดส่วนหนึ่งในการทำธุรกิจเกือบทุกประเภท ไม่ว่าเป็นสินค้าและการบริการ แต่สิ่ง
หนึ่งที่จำเป็นต้องมีและขาดไม่ได้คือการชี้แจงให้ลูกค้าทราบได้ว่าองค์กรของเรานั้นขายอะไร มีจุดเด่นอย่างไร แต่การ
อธิบายลูกค้าด้วยปากเปล่านั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เสนอได้ทั้งหมด ทำให้การพิมพ์แคตตาล็อกเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ใช้
เพื่อแนะนำสินค้าและการบริการของเราให้ลูกค้าได้รับทราบ ทั้งครอบคลุมรายละเอียด เข้าใจง่าย และมองเห็นภาพตามได้
ดีขึ้น แม้สมัยปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีสารสนเทศมากมายเพื่อใช้ในการอธิบายมากยิ่งขึ้นทำให้ความนิยมของการใช้งานจะลด
น้อยลงไปบ้าง แต่อย่างไรก็ดีการพิมพ์แคตตาล็อกก็ยังคงตอบโจทย์ในด้านความสบายโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต
ทั้งยังพกพาสบาย ไม่เพียงเท่านั้นยังง่ายต่อการใช้ซ้ำ สามารถนำกลับมาดูใหม่ได้ ทั้งยังอาจจดบันทึกลงรายละเอียด
เพิ่มเติมได้อีกด้วย
งานพิมพ์แคตตาล็อก (Catalogue) คือสิ่งพิมพ์ที่มีรูปพรรณเป็นสิ่งพิมพ์ที่ถูกเย็บรวมเข้าเป็นเล่ม เหมือนกับ
หนังสือ วารสารหรือนิตยสาร ทั้งนั้นยังต้องมีองค์ประกอบจำพวก บทนำ สารบัญ และเนื้อหารายละเอียดเหมือนกับ
หนังสือ ทำให้ส่วนใหญ่เกิดข้อสงสัยว่าแคตตาล็อกแตกต่างจากสิ่งพิมพ์รวมเล่มประเภทอื่นอย่างไร สิ่งที่แตกต่างก็คือ
จุดหมายการใช้งานเป็นหลัก โดยที่แคตตาล็อกนั้นจะมุ่งเน้นเค้าความในด้านการโฆษณาและจัดแสดงแนะนำสินค้าเป็น
สำคัญ โดยจะมีรูปภาพและคำอธิบายเกี่ยวกับสินค้าและการบริการแต่ละพันธุ์ขององค์กรเพื่อให้ผู้อ่านสามารถทำ
ความเข้าใจได้ดีขึ้น โดยต้องมีการจัดทำหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์เป็นกลุ่มอย่างชัดเจนเพื่อให้ง่ายต่อการสำรวจและมีการระบุหน้าลง
ในสารบัญด้วย
เนื่องด้วยงานบรรยายผลิตภัณฑ์เป็นงานที่ค่อนข้างจะสำคัญมาก ทำให้การออกแบบและสร้างจะต้องคำนึงถึง
คุณภาพและความประณีตเป็นสำคัญ โดยจะแบ่งองค์ประกอบส่วนเพิ่มเติมโครงสร้างการพิมพ์แคตตาล็อกเป็น 2 ส่วน คือ
1.ส่วนปกเล่ม ส่วนตรงนี้เป็นด้านที่แสดงและสร้างแรงจูงใจในการอ่านให้กับผู้พบเห็นจึงควรจะมีการออกแบบ
อาร์ตเวิร์คที่ดี การเลือกใช้วัสดุหรือกระดาษที่มีคุณภาพและมีความหนาที่มากกว่าในส่วนของเนื้อความ โดยอาจจะ
ใช้กระดาษลักษณะอาร์ตการ์ด 190 แกรมขึ้นไป หรือกระดาษอาร์ตมันหรือกระดาษหนา 90 แกรมขึ้นไปก็เป็นได้และ
มีการตกแต่งใช้สีและตกแต่งรูปภาพที่ดูน่าสนใจ รวมทั้งใช้เทคนิคในการพิมพ์ เช่น การปั๊มนูน การทำ Spot UV
ในจุดที่ต้องเน้นย้ำเป็นพิเศษ หรือแม้กระทั่งการเคลือบฟิล์มลามิเนตเพื่อดูแลรักษาความเยินจากภายนอก เป็นต้น
2.ส่วนเนื้อหา ซึ่งในส่วนะนี้เป็นจำพวกนี้จะรวมถึงบทนำ สารบัญไว้ด้วยโดยจะใช้กระดาษที่เป็นกระดาษปอนด์ 80 แกรมขึ้นไปเพื่อไม่
ให้หมึกหรือสีเลอะเพราะส่วนมากเนื้อหามักมีรูปรูปประกอบจึงใช้สีค่อนข้างมาก แต่หากต้องการให้มีการพิมพ์สองหน้า
อาจจะต้องใช้กระดาษที่มีความหนาเพิ่มขึ้นเพื่อให้ไม่สามารถมองลอดเห็นได้ทั้งสองด้าน เป็นต้น นอกจากนี้การใช้สีควรจะ
ทำให้งานที่พิมพ์ออกมานั้นเหมือนผลิตภัณฑ์จริงให้มากที่สุดเพราะอาจจะทำให้เกิดข้อสงสัยกับลูกค้าภายหลังได้ซึ่งต้องใช้
ความแม่นยำพอสมควร
ในด้านการเลือกใช้สัดส่วนของการพิมพ์แคตตาล็อกนั้นต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 3 ประการ ประการแรกความสมดุล
ระหว่างขนาดเล่มกับความหนาของเนื้อหา ยกตัวอย่างเช่น หากกำหนดขนาดเล่มให้มีสัดส่วนเล็ก แต่มีเนื้อหาที่ต้องเสนอมาก
ทำให้รูปเล่มมีความหนามากเกินไป ซึ่งจะส่งผลให้ผู้รับสารรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่อยากอ่าน เป็นต้น อย่างที่สองความสมดุลระหว่าง
สัดส่วนเล่มกับขนาดภาพ โดยการวางรูปภาพในเนื้อหาต่อ 1 หน้ามากที่สุดไม่ควรเกิน 8 ภาพเพราะส่งผลให้เกิดการลายตาได้
และต้องมีการจัดรูปภาพให้มีสัดส่วนที่ทำให้ลูกค้าสามารถมองเห็นได้ชัดเจนโดยไม่เล็กจนเกินไป ประการทีหลังคือความสมดุล
ระหว่างขนาดเล่มกับขนาดตัวหนังสือ เป็นส่วนใหญ่การเตรียมทำแคตตาล็อกมักจะไม่เน้นการลงรายละเอียดที่เป็นตัวหนังสือมากนัก
จึงไม่ค่อยมีข้อสงสัย แต่สำหรับสินค้าบางชนิดหรือสินค้าที่เน้นด้านการบริการที่ต้องมีการบรรยายเนื้อหาเป็นจำนวนมาก
การกำหนดขนาดตัวอักษรจะต้องทำให้สามารถเห็นและอ่านได้ง่าย อาจจะต้องมีเคล็ดลับการตระเตรียมรูปแบบการอ่านที่ดูน่าสนใจ
ซึ่งอาจจะทำให้ใช้พื้นที่ในหน้าค่อนข้างมาก โดยทั้งหมดนี้มีองค์ประกอบที่ต้องคิดร่วมในการออกแบบและกำหนดสัดส่วน
ซึ่งสัดส่วนของรูปเล่มที่นิยมใช้กับก็ตั้งแต่ขนาดใหญ่ 15 x 10.25 นิ้ว หรือเล็กที่สุดโดยประมาณกระดาษ A6 โดยขนาดที่ใช้
บ่อยที่สุดคือ A4 เพราะมีสัดส่วนที่พอดี พกพาสะดวก รวมถึงง่ายในออกแบบและจัดหน้ากระดาษ
ส่วนนี้จะกล่าวถึงโอกาสการแจกจ่ายหรือการใช้งานพิมพ์แคตตาล็อกเพื่อให้เกิดผลสูงสุด สำหรับพิมพ์แคตตาล็อก
นี้ถือว่าเป็นสิ่งพิมพ์ที่มีต้นทุนโดยมากสูง ซึ่งหากให้จัดพิมพ์เป็นปริมาณก็อาจจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากจนเกินไป เพื่อให้ได้
ประสิทธิภาพและการความคุ้มค่าที่สุดควรจะมีการกำหนดจำเพาะกำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้ได้รับสาร เช่น การส่งตรงถึง
ลูกค้าที่เป็นขาประจำหรือบริโภคสินค้าอย่างต่อเนื่อง หรือ กลุ่มสมาชิกหรือผู้ที่ลงบัญชีมีความต้องการข่าวสาร เป็นต้น
โดยอาจจะส่งผ่านทางไปรษณีย์หรือการมอบกับมือผู้รับสารเองก็ได้ โดยกลุ่มบุคคลเหล่านี้ทางผู้จัดแจงทำเองต้องคาดหวังที่จะ
ได้รับการตอบกลับมากกว่าสื่อสิ่งพิมพ์โฆษณาแบบอื่นๆ แต่สำหรับกิจการบางแบบอาจจะใช้การเตรียมพิมพ์แคตตาล็อกเพียงไม่กี่
เล่มโดยตระเตรียมแบ่งให้ในส่วนของหน้าร้านเพื่อใช้สำหรับเวลาที่ลูกค้าเข้ามาสืบถาม หรือแบ่งให้ฝ่ายขายหรือตัวแทนขาย
ไว้ใช้เพียงเท่านั้นก็สามารถทำได้

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : พิมพ์แคตตาล็อก วารสาร

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://www.pimplernprint.com/แคตตาล็อก_วารสาร/